ราคาข้าวบรรจุถุงพุ่งสูงทั่วประเทศ ผู้บริโภคเดือดร้อน วิกฤตซ้ำเติมค่าครองชีพ
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาข้าวสารบรรจุถุงในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าทั่วประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภคในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวรายได้น้อยและผู้ประกอบการร้านอาหาร จากการสำรวจพบว่าราคาข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว และข้าวกล้องบรรจุถุงในตลาดปรับขึ้นเฉลี่ย 10-20% ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน สาเหตุสำคัญมาจากภาวะภัยแล้ง ผลผลิตข้าวลดลง ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และความผันผวนของตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมา
ผู้บริโภคในหลายจังหวัดร้องเรียนว่าข้าวสารบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัมที่เคยซื้อได้ในราคาไม่เกิน 180 บาท ปัจจุบันต้องจ่ายสูงถึง 200-220 บาท ขณะที่ข้าวหอมมะลิเกรดพรีเมียมในบางพื้นที่ราคาแตะ 300 บาทต่อถุง ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ภัตตาคาร และธุรกิจอาหารตามสั่งต้องปรับราคาขายอาหารตามไปด้วย บางรายเลือกลดปริมาณข้าวในแต่ละจานเพื่อแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวปรับสูง
นักวิเคราะห์สินค้าเกษตรระบุว่า ปีนี้เป็นปีที่ภาคเกษตรกรรมไทยเผชิญกับภาวะภัยแล้งรุนแรง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักลดต่ำลงอย่างน่ากังวล พื้นที่เพาะปลูกข้าวในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้ผลผลิตข้าวนาปีและข้าวนาปรังลดลงอย่างเห็นได้ชัด ต้นทุนการเพาะปลูกทั้งค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าเมล็ดพันธุ์ และค่าแรงงานก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
ในขณะเดียวกัน ราคาข้าวเปลือกและข้าวสารในตลาดโลกยังมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอก เช่น ภัยแล้งในอินเดียและเวียดนาม มาตรการจำกัดการส่งออกของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ทำให้ต้นทุนการนำเข้าและผลิตข้าวบรรจุถุงในไทยสูงขึ้นตามลำดับ
บางโรงสีและบริษัทผู้ผลิตข้าวบรรจุถุงยังประสบปัญหาด้านการขนส่งและขาดแคลนแรงงาน ส่งผลให้กระบวนการผลิตและกระจายสินค้าไปยังตลาดล่าช้า เมื่อปริมาณข้าวออกสู่ตลาดน้อยแต่ความต้องการยังสูง ราคาข้าวจึงปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจ
ราคาข้าวบรรจุถุงที่สูงขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวรายได้น้อยซึ่งมีข้าวเป็นอาหารหลักทุกวัน หลายครัวเรือนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เช่น ซื้อข้าวยี่ห้อรองหรือข้าวถุงเล็กลงเพื่อควบคุมงบประมาณ ขณะที่ร้านอาหารและธุรกิจอาหารตามสั่งส่วนใหญ่จำเป็นต้องปรับราคาขายหรือหาวิธีลดต้นทุน เช่น ลดปริมาณข้าวในแต่ละจาน หรือเพิ่มเมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบอื่นทดแทนข้าว
สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารรายงานว่า กำไรสุทธิของธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็กลดลงเฉลี่ย 15-20% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการบางรายเลือกปิดร้านชั่วคราวเพื่อรอราคาข้าวปรับตัวลง ขณะที่บางกลุ่มหันมาซื้อข้าวสารโดยตรงจากโรงสีหรือซื้อร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการอื่นเพื่อประหยัดต้นทุน
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเตือนว่า วิกฤตราคาข้าวครั้งนี้อาจลุกลามไปกระทบอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจขนส่ง บรรจุภัณฑ์ และตลาดค้าส่งทั่วประเทศ
มาตรการรัฐและทางออกระยะยาว
รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน เช่น การควบคุมราคาขายข้าวบรรจุถุงบางยี่ห้อ การสนับสนุนเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และการเร่งฟื้นฟูพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง นอกจากนี้ ยังประสานงานกับโรงสีและผู้ค้าปลีกให้ชะลอการปรับราคาข้าวในช่วงวิกฤต เพื่อลดภาระของประชาชน
ในระยะยาว นักวิชาการเสนอให้รัฐลงทุนในระบบชลประทานและการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ทนแล้ง รวมถึงส่งเสริมกลไกตลาดกลางและระบบค้าส่งที่โปร่งใส เพื่อลดการผูกขาดและป้องกันการโก่งราคาข้าวในภาวะวิกฤต
สุดท้าย ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าทั้งรัฐ เอกชน เกษตรกร และผู้บริโภคต้องร่วมมือกันสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตราคาข้าวครั้งนี้ไปได้ และรักษาความมั่นคงด้านอาหารของชาติในระยะยาว
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



