รัฐวิสาหกิจและธุรกิจรัฐ: การปรับปรุงล่าสุด
รัฐวิสาหกิจและหน่วยธุรกิจของภาครัฐถือเป็นรากฐานสำคัญในการให้บริการสาธารณะและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ล่าสุดมีการปรับโครงสร้างและนโยบายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการขาดทุน และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและภาคเอกชนได้ดีขึ้น
1. การปรับโครงสร้างองค์กร
หลายรัฐวิสาหกิจ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการท่าอากาศยานไทย (AOT) ได้ดำเนินการยุบรวมหน่วยงานสนับสนุน เพื่อลดขั้นตอนการบริหารและเพิ่มความคล่องตัวในการตัดสินใจ ด้านการสรรหาผู้บริหารระดับสูงมีการใช้หลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส ภายใต้กฎหมายการยางราชการใหม่
2. นวัตกรรมและเทคโนโลยี
รัฐวิสาหกิจหลายแห่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เช่น ระบบ ERP และ Big Data ในการวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการผู้ใช้บริการ การไฟฟ้า สนข. และการประปาส่วนภูมิภาค (PWA) เริ่มปรับระบบตรวจวัดและเก็บข้อมูลอัตโนมัติผ่าน IoT เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานและปรับอัตราค่าบริการให้เหมาะสม
3. การเปิดเสรีและความร่วมมือกับภาคเอกชน
ภาครัฐสนับสนุนการร่วมลงทุนภาครัฐ-เอกชน (PPP) ในโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงข่ายรถไฟทางคู่ โครงการท่าเรือน้ำลึก และศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยระยะยาว ส่งผลให้รัฐวิสาหกิจสามารถลดภาระหนี้ เพิ่มรายได้ และเรียนรู้เทคนิคการบริหารจัดการจากภาคเอกชน
4. นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
การท่าอากาศยานไทยและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนในปี 2030 ผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียนและติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงไฟฟ้าและอาคารสนามบิน นอกจากนี้ มีโครงการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อป้องกันมลพิษในชุมชนโดยรอบ
5. ผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ
การปรับปรุงล่าสุดช่วยให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่รวดเร็วและมีคุณภาพสูงขึ้น เช่น ระบบจองไฟฟ้าออนไลน์ บริการตรวจสอบอัตราค่าไฟและน้ำผ่านแอปฯ ภาครัฐ รวมถึงการลดระยะเวลารอซ่อมบำรุง สร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นในระบบสาธารณูปโภค
สรุปแล้ว การปรับโครงสร้างองค์กร การนำเทคโนโลยีใหม่ การร่วมมือกับภาคเอกชน และนโยบายด้านความยั่งยืน เป็นปัจจัยหลักที่ช่วยยกระดับรัฐวิสาหกิจและธุรกิจรัฐไทยให้พร้อมรับความท้าทายในอนาคต
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



