มลพิษ PM2.5 และโครงการลดฝุ่นในเมืองใหญ่
ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 กลายเป็นปัญหาหลักในหลายเมืองใหญ่ของไทย โดยมีสาเหตุจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในภาคขนส่ง การก่อสร้าง และการเผาเศษพืชผลทางการเกษตร ทำให้ค่าฝุ่นละอองหลุดเกินมาตรฐานสุขภาพ WHO หลายวันต่อปี ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและปอด
สาเหตุและพื้นที่เสี่ยง
- กรุงเทพมหานคร: มลพิษส่วนใหญ่จากรถยนต์ดีเซลและการจราจรหนาแน่น
- เชียงใหม่: การเผาป่าช่วงฤดูแล้ง และควันที่ลอยเข้ามาจากภาคเหนือของเพื่อนบ้าน
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้: การเผาขยะและเศษพืชผล รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่ง
โครงการและมาตรการลดฝุ่น
- ติดตั้งเครื่องดูดฝุ่นและฉีดน้ำ (Water Cannon) บนรถทำความสะอาดถนนในพื้นที่ใจกลางเมือง
- ขยายพื้นที่สีเขียว (Green Belt) ริมถนนสายหลัก เช่น สวนสาธารณะและปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ
- กำหนดโซนปลอดฝุ่น (Low Emission Zone) โดยจำกัดรถควันดำและจูงใจใช้รถ EV
- ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศอัตโนมัติทั่วเมือง พร้อมแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน
- ส่งเสริมรถเมล์ไฟฟ้า (Electric Bus) และการแบ่งปันจักรยานสาธารณะ (Bike Sharing)
ผลกระทบและผลลัพธ์เบื้องต้น
หลังเริ่มมาตรการ ChatGPT ค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยลดลง 10–15% ในหลายพื้นที่ใจกลางเมือง ขณะที่จำนวนวันเกินมาตรฐานต่อเดือนลดลงโดยประชาชนมีช่องทางเข้าถึงข้อมูลและสวมหน้ากากอนามัยได้ทันเวลา
แนวทางในอนาคต
แผนระยะยาวมุ่งไปที่การใช้เทคโนโลยี Smart City โดยติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจอากาศ IoT เชื่อมโยงกับระบบจัดการจราจร เพื่อลดการจราจรติดขัด และพัฒนาแอปพลิเคชันให้คำแนะนำเส้นทางเดินทางที่มีคุณภาพอากาศดีที่สุด นอกจากนี้ การรณรงค์ให้ประชาชนเลิกเผาป่าและส่งเสริมการรีไซเคิลเป็นสิ่งจำเป็น
สรุปได้ว่า การแก้ปัญหา PM2.5 ต้องอาศัยมาตรการควบคุมที่เข้มงวด การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างเมืองที่น่าอยู่และอากาศบริสุทธิ์ขึ้นอีกครั้ง
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



