ผลกระทบศึกรัสเซีย–ยูเครนต่อเศรษฐกิจไทย

การปะทะระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2022 ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อระบบเศรษฐกิจโลก และประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบจากหลายด้าน ทั้งด้านห่วงโซ่อุปทาน ราคาพลังงาน อัตราเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางการเงิน

หนึ่งในผลกระทบสำคัญคือการขาดแคลนวัตถุดิบที่ไทยนำเข้าจากรัสเซียและยูเครน เช่น ปุ๋ยเคมีและข้าวสาลี ราคาสินค้าเหล่านี้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตภาคเกษตรขยับขึ้นตาม และกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรกรรมหลายรายการในตลาดภายในประเทศ

ราคาพลังงานและต้นทุนการขนส่ง

การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจในภาคพลังงานของรัสเซีย ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนมายังต้นทุนการขนส่งสินค้า ทั้งการนำเข้าส่งออกและโลจิสติกส์ภายในประเทศ รัฐบาลจึงต้องออกมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และปรับลดภาระค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายให้ภาคธุรกิจและประชาชน

การค้าและการส่งออก

สินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารทะเล ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของตลาดยุโรปและยูเครน การสั่งซื้อชะลอตัวลง แต่กลับได้รับการชดเชยบางส่วนจากความต้องการในตลาดเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตขึ้น นอกจากนี้ การเปลี่ยนเส้นทางขนส่งทางทะเลผ่านช่องแคบต่างๆ ที่ปลอดภัยขึ้น ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ปรับสูงขึ้นเล็กน้อย

ภาคการท่องเที่ยวและบริการ

ภาคการท่องเที่ยวไทยที่เพิ่งฟื้นตัวหลังโควิด-19 ต้องเผชิญกับความกังวลของนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ชะลอการเดินทาง การแข็งค่าของเงินบาทในบางช่วงยังทำให้ไทยมีราคาสูงขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่กระนั้น ทิศทางการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจากจีน อินเดีย และตะวันออกกลางยังช่วยรองรับรายได้ภาคบริการอยู่บ้าง

เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย

แรงกดดันจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานที่สูงขึ้นสะท้อนมายังอัตราเงินเฟ้อในไทย ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี กนง. ของธนาคารแห่งประเทศไทยจึงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายครั้งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่ภาคครัวเรือนและธุรกิจต้องเผชิญต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นตามไปด้วย

แนวทางรับมือของภาครัฐ

รัฐบาลไทยได้ใช้มาตรการหลายรูปแบบทั้งการปรับลดภาษีนำเข้า การสำรองสินค้าสำคัญ การประกันราคาเกษตรกรรม รวมถึงการเจรจาหารือตามช่องทางพหุภาคี เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง นอกจากนี้ ยังเร่งส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับเศรษฐกิจ

บทสรุป

ศึกรัสเซีย–ยูเครนแม้จะอยู่ไกลออกไป แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยนั้นชัดเจน ทั้งในเชิงต้นทุน ราคาสินค้า และทิศทางการค้า ภาครัฐและเอกชนจึงต้องร่วมกันวางกลยุทธ์จัดการความเสี่ยง พัฒนาห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ และกระจายตลาดส่งออกอย่างรอบด้าน เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในระยะยาว