นโยบายพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย

รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด ปัจจุบันประเทศไทยตั้งเป้าหมายให้สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 30% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2037 ภายใต้แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและประสิทธิภาพพลังงาน (AEDP) และแผนปฏิบัติการประหยัดพลังงาน (EEP)

พลังงานหมุนเวียนหลักที่ไทยเน้นพัฒนาคือ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล และพลังงานชีวภาพ ตลอดจนพลังงานขยะและพลังงานจากน้ำเสีย โดยมีโครงการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจลงทุนผ่านระบบการประมูล (Auction) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ที่กำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้า (FIT) เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้พัฒนาโครงการ

จุดเด่นของนโยบาย

• กำหนดเป้าหมาย 30% จากพลังงานหมุนเวียนในพอร์ตผลิตไฟฟ้าภายในปี 2037
• ใช้นโยบาย FIT และระบบประมูลไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
• ส่งเสริมโครงการ Distributed Generation (DG) และโซลาร์รูฟท็อปสำหรับภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน
• เชื่อมโยงการพัฒนากับเครือข่าย EEC เพื่อรองรับนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว

ความก้าวหน้าและผลงานเด่น

ปัจจุบันความจุพลังงานหมุนเวียนในระบบไฟฟ้า (Installed Capacity) สูงกว่า 10,000 เมกะวัตต์ โดยโซลาร์ฟาร์มติดตั้งแล้วกว่า 3,500 เมกะวัตต์ และกังหันลมเชิงพาณิชย์ราว 300 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าชีวมวลและชีวภาพมีบทบาทสำคัญในการรับซื้อเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ลดมลพิษและสร้างรายได้ให้ชุมชนท้องถิ่น

ความท้าทายในการดำเนินงาน

แม้จะมีผลสัมฤทธิ์ แต่ยังต้องเผชิญอุปสรรคด้านการเชื่อมต่อกริดไฟฟ้า (Grid Integration) ค่าลงทุนเบื้องต้นสูง และความผันผวนของกำลังผลิตตามสภาวะอากาศ รัฐจึงต้องพัฒนาโครงข่ายระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) และระบบสมาร์ตกริด (Smart Grid) เพื่อรักษาเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของระบบไฟฟ้า

แนวทางในอนาคต

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรัฐบาลมีแผนผลักดันการลงทุนโซลาร์รูฟท็อปและโครงการ DG ในครัวเรือน พร้อมสนับสนุนการวิจัยพัฒนาแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน รวมถึงการบูรณาการกับแผนพัฒนา EEC เพื่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industrial Estate)

สรุปได้ว่า นโยบายพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย กำลังขยับไปอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการตั้งเป้าหมายเชิงปริมาณ มาตรการสนับสนุนทางการเงิน และเทคโนโลยีที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน