Share Tweet Pin it

ทำไมภาษาญี่ปุ่นมีหลายระบบตัวอักษร

หากคุณเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนสับสนคือ “ภาษาญี่ปุ่นมีหลายแบบเขียน” ทั้ง **ฮิรางานะ** **คาตาคานะ** และ **คันจิ** แล้วทำไมถึงไม่ใช้แค่ชุดเดียว? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักที่มาที่ไปของตัวอักษรทั้ง 3 ระบบในภาษาญี่ปุ่น และเหตุผลที่พวกเขายังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน

1. ฮิรางานะ (ひらがな)

ฮิรางานะเป็นตัวอักษรที่ใช้เขียนคำพื้นฐานของภาษาญี่ปุ่น เป็นเสียงแท้ ๆ ของภาษาญี่ปุ่น เช่น คำช่วย (は、が、を) หรือคำกริยารูปพื้นฐาน ตัวอักษรนี้มักใช้กับเด็ก ๆ หรือคนที่เพิ่งเริ่มเรียน เพราะเข้าใจง่ายและมีเพียง 46 ตัวหลัก

2. คาตาคานะ (カタカナ)

คาตาคานะใช้สำหรับเขียนคำทับศัพท์จากภาษาต่างประเทศ เช่น คำว่า コンピューター (คอมพิวเตอร์) หรือชื่อคนต่างชาติ รวมถึงใช้เน้นคำในบางกรณี คล้ายตัวหนาหรือตัวเอียงในภาษาไทย

3. คันจิ (漢字)

คันจิคือตัวอักษรที่ญี่ปุ่นรับมาจากจีน ใช้แทน “ความหมาย” ของคำ โดยมีหลายพันตัว คำในภาษาญี่ปุ่นจำนวนมาก (เช่น คำว่า 学校 – โรงเรียน) จะใช้คันจิเขียนร่วมกับฮิรางานะเพื่อช่วยบ่งบอกการผันคำ

“ภาษาญี่ปุ่นจึงไม่ใช่แค่เรื่องการออกเสียง แต่คือการอ่านความหมายผ่านหลายมุมมอง”
ทำไมไม่รวมเป็นตัวอักษรเดียว?
  • แต่ละระบบมีหน้าที่ต่างกัน เช่น คำช่วย คำทับศัพท์ หรือคำหลัก
  • คันจิช่วยลดความกำกวม เพราะคำเสียงเดียวกันอาจมีหลายความหมาย
  • ระบบหลายแบบทำให้การอ่านเร็วขึ้นและจับใจความง่ายขึ้น
  • เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ทางภาษา
แล้วคนญี่ปุ่นเรียนยังไง?

เด็กญี่ปุ่นเริ่มจากการเรียนฮิรางานะและคาตาคานะในระดับประถม แล้วจึงเริ่มเรียนคันจิตามลำดับชั้น มีการบังคับเรียนคันจิขั้นต่ำกว่า 2,000 ตัวสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน

แม้จะดูซับซ้อน แต่ระบบอักษร 3 แบบของภาษาญี่ปุ่นนั้นมีเหตุผลรองรับในเชิงโครงสร้าง ความชัดเจน และการสื่อความหมาย และยังคงทำให้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างมากในโลกใบนี้ครับ


Don't miss a story

Subscribe to our email newsletter:

Don't worry we hate spam as much as you do

Related Articles

Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162

Leave a reply