จีนเสนอตัวไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา หวังลดความตึงเครียดในภูมิภาค
รัฐบาลจีนได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2025 เสนอความช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ซึ่งกลับมาระอุอีกครั้งในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยหวังให้ทั้งสองประเทศใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ไขความขัดแย้ง เพื่อความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สาเหตุของความตึงเครียดระหว่างสองชาติ
ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นมีจุดเริ่มต้นจากการก่อสร้างถนนและสิ่งปลูกสร้างใกล้แนวเขตแดนที่ยังไม่มีการจัดทำเขตแดนถาวรอย่างชัดเจนในบางพื้นที่ ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายมีการส่งกำลังทหารเข้าประจำการบริเวณพื้นที่ทับซ้อน และเกิดการปะทะขนาดเล็กหลายครั้งในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
แม้จะยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ได้ก่อให้เกิดความกังวลในวงกว้างว่าความตึงเครียดอาจลุกลามเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น หากไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบและโปร่งใส
บทบาทของจีนในเวทีการเมืองภูมิภาค
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้แสดงบทบาทสำคัญในฐานะตัวกลางไกล่เกลี่ยในหลายความขัดแย้งระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ หรือกรณีพิพาททางทะเลในทะเลจีนใต้
การเสนอตัวครั้งนี้ของจีนสะท้อนถึงความตั้งใจที่จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะผู้รักษาสันติภาพ และเสริมสร้างบทบาททางการทูตในภูมิภาคที่มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของตน
ท่าทีของรัฐบาลไทยและกัมพูชา
โฆษกรัฐบาลไทยระบุว่า ไทยยินดีเปิดรับทุกข้อเสนอที่นำไปสู่การแก้ปัญหาโดยสันติ และพร้อมพูดคุยกับกัมพูชาในกรอบความร่วมมือทวิภาคี โดยอิงตามหลักกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลกัมพูชาก็ได้แสดงจุดยืนคล้ายกัน โดยชี้ว่าทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์เชิงประวัติศาสตร์ที่แน่นแฟ้น และไม่ควรให้ความขัดแย้งเล็กน้อยส่งผลกระทบต่อภาพรวมความร่วมมือ
ผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน
ความตึงเครียดทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนหลายแห่งเกิดความหวาดกลัวและย้ายถิ่นฐานชั่วคราว หลายโรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอน และตลาดท้องถิ่นเงียบเหงาลงจากความไม่แน่นอนด้านความปลอดภัย
องค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่ได้เร่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาผ่านกระบวนการเจรจาโดยเร็วที่สุด
บทสรุป
ข้อเสนอของจีนในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่อาจนำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ และป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีจะไม่เพียงช่วยลดความตึงเครียดในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงวุฒิภาวะทางการเมืองของทั้งสองประเทศอีกด้วย




