การผลิตสินค้าใหม่หลังโควิดในประเทศจีน
ประเทศจีนในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 ได้ปรับกลยุทธ์ด้านการผลิตสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์ตลาดโลกและภายในประเทศ การฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยีขั้นสูง และยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้ภาคอุตสาหกรรมจีนเร่งลงทุนในโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) และห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
1. เซมิคอนดักเตอร์และชิปประมวลผล
จีนตั้งเป้าลดการพึ่งพาการนำเข้าโดยเร่งพัฒนาชิปประมวลผลในประเทศ ผ่านโครงการ "Made in China 2025" และการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีแก่ผู้ผลิตชิป โดยมีบริษัทอย่าง SMIC และ Hua Hong Semiconductor ขยายกำลังการผลิตและลงทุนเทคโนโลยี EUV เพื่อลดช่องว่างกับผู้นำเทคโนโลยีโลก
2. ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่
บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจีน เช่น BYD, NIO และ XPeng เพิ่มสายการผลิตรถ EV รุ่นใหม่ที่ใช้แพลตฟอร์มไฮบริดแบตเตอรี่ลิเธียม-เหล็กฟอสเฟต (LFP) เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มระยะทางขับขี่ ขณะเดียวกัน ซัพพลายเออร์แบตเตอรี่ CATL และ CALB กำลังขยายโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่ทั้งในจีนและต่างประเทศ
3. อุปกรณ์ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์
ภายหลังโควิด-19 บริษัทจีนหลายรายหันมาผลิตเครื่องช่วยหายใจ ชุดตรวจ ATK และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) อย่างต่อเนื่อง ปรับเปลี่ยนสายการผลิตให้รองรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ และเริ่มวิจัยยาใหม่ ปรับปรุงสูตรวัคซีนตามสายพันธุ์โควิดกลายพันธุ์ภายในประเทศ
4. สินค้าอุปโภคบริโภคอัจฉริยะ
เทรนด์สมาร์ตโฮมติดสปีดหลังโควิด เมื่อผู้บริโภคจีนหันมาใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ เช่น ตู้เย็นที่สั่งซื้อผ่านอินเทอร์เน็ต เตาอบที่ควบคุมได้ด้วยเสียง และระบบความปลอดภัยตรวจจับใบหน้า ผู้ผลิตพันธมิตรอย่าง Haier, Xiaomi และ Huawei ร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์ม IoT เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลายแบรนด์
5. ห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์
เพื่อรับมือความผันผวนภาวะขาดแคลนวัตถุดิบ จีนลงทุนสร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศและในประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านศูนย์โลจิสติกส์อัจฉริยะในลุ่มแม่น้ำแยงซี เชื่อมต่อทางรถไฟรางคู่และเส้นทางถนนสายหลัก เพื่อให้การส่งมอบวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปเกิดขึ้นรวดเร็ว ลดต้นทุนคลังสินค้า
6. นวัตกรรมและการวิจัยพัฒนา
มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยจีนร่วมมือกับภาคเอกชนในโครงการวิจัยเหลาเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, เพิ่มประสิทธิภาพวัสดุใหม่ และการพัฒนาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ซึ่งช่วยให้สายการผลิตอัตโนมัติ (automation) ขยายตัวและรองรับกำลังการผลิตที่สูงขึ้นโดยไม่สูญเสียคุณภาพ
7. แนวโน้มในอนาคต
คาดว่าแรงงานอุตสาหกรรมจีนจะถูกลดในงานซ้ำซาก และเปลี่ยนเป็นงานด้านบำรุงรักษาและพัฒนาระบบดิจิทัล โรงงานในอนาคตจะใช้ระบบคลาวด์ (Cloud Manufacturing) และ 5G เชื่อมต่ออุปกรณ์แบบเรียลไทม์เพื่อปรับสายการผลิตตามความต้องการตลาดโลกแบบ on-demand
สรุปแล้ว หลังโควิด-19 การผลิตสินค้าใหม่ในจีนมุ่งสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะ สินค้าหลักอย่างเซมิคอนดักเตอร์ EV และอุปกรณ์แพทย์เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ห่วงโซ่อุปทานอัจฉริยะและการวิจัยนวัตกรรมจะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่อไป
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



