Share Tweet Pin it

WHO เตือนโควิดสายพันธุ์ใหม่ระบาดในแอฟริกา โลกต้องเฝ้าระวังรอบใหม่

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกแถลงการณ์เตือนประชาคมโลกถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังกลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง หลังตรวจพบการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในหลายประเทศแถบแอฟริกา สายพันธุ์นี้ได้รับการตั้งชื่อว่า “Nu-Virant” ซึ่งกำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในชุมชนเมืองใหญ่และพื้นที่ชนบทหลายแห่งของทวีป การค้นพบครั้งนี้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักวิทยาศาสตร์และหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก

รายงานจาก WHO ระบุว่า โควิดสายพันธุ์ใหม่นี้มีการกลายพันธุ์ในโปรตีนส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจับเซลล์มนุษย์ ทำให้มันสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิมอย่างมาก แม้จำนวนผู้ป่วยรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตจะยังไม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และระบบทางเดินหายใจอักเสบรุนแรงในกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว

WHO ได้เร่งส่งทีมนักวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในท้องถิ่น เพื่อศึกษาลักษณะของไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่างละเอียด ทั้งในด้านการแพร่กระจาย ความรุนแรงของโรค การตอบสนองต่อวัคซีนและยารักษา ตลอดจนแนวทางการควบคุมการแพร่ระบาดในอนาคต

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้ติดเชื้อเดินทางออกจากทวีปแอฟริกาไปยังยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียบางประเทศแล้ว แม้ทางการจะเร่งคัดกรองและติดตามกลุ่มเสี่ยงอย่างเข้มงวด แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าการระบาดครั้งใหม่อาจลุกลามเป็นวงกว้างกว่าที่คาดไว้

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคของแอฟริการะบุว่า สายพันธุ์นี้ต้านทานภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนเดิมได้บางส่วน ส่งผลให้ผู้ที่เคยรับวัคซีนหรือเคยติดเชื้อมาก่อน ยังมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ แม้ว่าอาการโดยรวมจะเบากว่าเดิมแต่ก็ยังมีความเสี่ยงในกลุ่มเปราะบาง

ผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขและมาตรการรับมือ

การระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาทำให้ระบบสาธารณสุขของหลายประเทศต้องเผชิญความท้าทายอีกครั้ง โดยเฉพาะประเทศที่มีทรัพยากรจำกัด การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์ป้องกัน และระบบตรวจวินิจฉัยที่รวดเร็ว ยิ่งทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดยากลำบากกว่าเดิม ขณะเดียวกัน หลายประเทศในแอฟริกาเพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดในช่วงสองปีที่ผ่านมา

WHO จึงได้เรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้วและองค์กรระหว่างประเทศเร่งให้ความช่วยเหลือ เช่น การจัดส่งวัคซีนรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือสายพันธุ์กลายพันธุ์โดยเฉพาะ การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ชุดตรวจไวรัสที่รวดเร็ว ตลอดจนการส่งทีมแพทย์และนักวิจัยเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยง

อีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่ WHO แนะนำคือการรณรงค์ให้ประชาชนยังคงรักษามาตรการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน เช่น สวมหน้ากากอนามัยในที่แออัด หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างทางสังคม และเข้ารับการตรวจหาเชื้อหากมีอาการหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง แม้บางประเทศจะผ่อนคลายมาตรการไปแล้ว แต่การกลับมาของสายพันธุ์ใหม่ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าความเสี่ยงยังไม่หมดไป

สำหรับภาคธุรกิจและภาคแรงงาน WHO แนะนำให้นายจ้างเตรียมแผนรับมือการขาดแคลนแรงงานและการหยุดชะงักของซัพพลายเชนที่อาจเกิดขึ้น หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นเหมือนในช่วงปี 2020-2022 การวางแผนล่วงหน้า เช่น ทำงานทางไกล และเตรียมสำรองสินค้า อาจช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคปทาวน์ให้ข้อมูลว่า โควิดสายพันธุ์ใหม่มีศักยภาพกลายพันธุ์ต่อเนื่อง จำเป็นต้องเฝ้าระวังและศึกษาต่อไป เพราะอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงจนทำให้เชื้อมีความรุนแรงหรือแพร่กระจายง่ายขึ้นได้อีก

ความเคลื่อนไหวทั่วโลกและอนาคตวัคซีนโควิด

หลังจากข่าวการระบาดของสายพันธุ์ “Nu-Virant” แพร่ออกไป หลายประเทศในยุโรปและเอเชียเริ่มยกระดับมาตรการคัดกรองผู้เดินทางจากแอฟริกา พร้อมเร่งตรวจสอบผู้ติดเชื้อที่อาจเข้ามาในประเทศ รวมถึงการกลับมาใช้ข้อกำหนดด้านการกักตัวในบางกรณี ขณะเดียวกันบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ เช่น Pfizer, Moderna และ AstraZeneca ได้ประกาศเริ่มพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่สำหรับสายพันธุ์นี้โดยเฉพาะ และคาดว่าผลิตภัณฑ์แรกจะพร้อมใช้งานภายใน 4-6 เดือนข้างหน้า

WHO ยังเน้นย้ำให้ทุกประเทศเร่งเก็บข้อมูลและรายงานผลการติดเชื้อ เพื่อให้มีฐานข้อมูลที่แม่นยำสำหรับวางแผนรับมือ ทั้งการระบาดในระยะสั้นและระยะยาว ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังจับตาการเปลี่ยนแปลงของไวรัสอย่างใกล้ชิดและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่อง

ผู้เชี่ยวชาญหลายสถาบันเห็นตรงกันว่าการรับมือกับโควิด-19 ในระยะต่อไปจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง ทั้งด้านการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และการกระจายวัคซีน โดยเฉพาะประเทศที่มีรายได้น้อยซึ่งยังมีความเปราะบางทางสาธารณสุขสูง

ในอนาคต วัคซีนโควิดอาจต้องได้รับการปรับสูตรเป็นประจำเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี เพื่อรับมือสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น วัคซีน mRNA เจเนอเรชั่นถัดไป หรือวัคซีนชนิดพ่นจมูก อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของโลก

การระบาดของสายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาไม่ใช่แค่ปัญหาเฉพาะทวีป แต่เป็น “สัญญาณเตือน” ที่ทุกภูมิภาคทั่วโลกต้องจับตาอย่างใกล้ชิด และร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันวิกฤตระลอกใหม่ที่อาจรุนแรงได้อีกครั้ง

สรุป: โลกกับความท้าทายรอบใหม่ของโควิด

การที่ WHO ออกมาเตือนภัยโควิดสายพันธุ์ใหม่สะท้อนให้เห็นว่า แม้โลกจะผ่านช่วงเวลาวิกฤตที่สุดของโควิดมาแล้ว แต่ “ความเสี่ยงยังไม่หมดไป” ประชาคมโลกจำเป็นต้องไม่ประมาทกับเชื้อไวรัสที่ยังคงกลายพันธุ์และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ความร่วมมือระหว่างประเทศ การติดตามข้อมูล การพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลจึงเป็นหัวใจของการอยู่รอดในยุคหลังโควิด

ประชาชนควรใส่ใจดูแลสุขอนามัยส่วนตัว ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างสม่ำเสมอ พร้อมเปิดใจรับข่าวสารใหม่ๆ อยู่เสมอ ในขณะที่รัฐบาลและองค์กรต่างๆ ต้องเตรียมพร้อมปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เมื่อโลกยังไม่รู้ว่าไวรัสจะกลายพันธุ์และท้าทายเรารอบใหม่เมื่อใด


Don't miss a story

Subscribe to our email newsletter:

Don't worry we hate spam as much as you do

Related Articles

Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162

Leave a reply