Johnny Depp คืนวงการ กำกับหนังชีวประวัติศิลปินเอก Van Gogh

หลังจากห่างหายจากการกำกับภาพยนตร์นานเกือบ 25 ปี นักแสดงชื่อดังระดับโลก Johnny Depp ประกาศกลับสู่วงการในฐานะ ผู้กำกับภาพยนตร์ อย่างเต็มตัวอีกครั้ง ด้วยโปรเจกต์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ “Van Gogh” ว่าด้วยชีวิตอันแสนดราม่าของ วินเซนต์ แวนโก๊ะ (Vincent van Gogh) จิตรกรอัจฉริยะผู้เป็นตำนานแห่งโลกศิลปะ

ข่าวดังกล่าวสร้างความตื่นเต้นไปทั่ววงการภาพยนตร์และศิลปะ พร้อมทั้งเป็นอีกบทบาทสำคัญของเดปป์ในฐานะศิลปินผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของศิลปินคนอื่น ผ่านมุมมองอันลึกซึ้งและซับซ้อน

🎬 การกลับมาของ “ผู้กำกับเดปป์” หลังจาก The Brave

โปรเจกต์ “Van Gogh” นับเป็น ผลงานกำกับเรื่องที่สองของ Johnny Depp นับจากภาพยนตร์เรื่อง The Brave (1997) ซึ่งแม้จะไม่ประสบความสำเร็จในเชิงรายได้ แต่ได้รับคำชมเรื่องการถ่ายทอดอารมณ์ดิบและการกำกับที่กล้าหาญในครั้งนี้ Depp ไม่เพียงรับหน้าที่กำกับเท่านั้น แต่ยังร่วม เขียนบท และ ควบคุมงานสร้าง ผ่านบริษัทโปรดักชันของเขาเอง ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าเขามีความตั้งใจจริงกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และต้องการสร้างผลงานที่สะท้อนความเคารพต่อศิลปินผู้ล่วงลับ

Johnny Depp กล่าวในแถลงการณ์เปิดตัวโปรเจกต์ว่า:

“แวนโก๊ะคือศิลปินที่ผมรู้สึกผูกพันมาตลอดชีวิต เขาคือความงามในความเศร้า เป็นภาพสะท้อนของจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ต่อความมืด... ผมไม่ต้องการสร้างหนังที่แค่เล่าเรื่องของเขา แต่ต้องการทำให้คนรู้สึกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ในทุกจังหวะของเฟรม”

แวนโก๊ะ เป็นศิลปินที่มีชีวิตอันทุกข์ทรมาน จากปัญหาสุขภาพจิต ความโดดเดี่ยว และการไม่เป็นที่เข้าใจของยุคสมัย แม้จะเสียชีวิตอย่างอนาถในวัยเพียง 37 ปี แต่กลับกลายเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลต่อวงการศิลปะที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์

เดปป์เผยว่า ตัวภาพยนตร์จะไม่ใช่แค่การเล่าไทม์ไลน์ชีวิตแวนโก๊ะ แต่จะผสมผสานความเหนือจริง (surrealism) และสุนทรียศาสตร์ทางภาพ ที่ถ่ายทอดโลกในมุมมองของศิลปินผู้ปวดร้าวอย่างลึกซึ้ง

Johnny Depp กลับมาอย่างมีความหมาย ผ่านโปรเจกต์ที่ท้าทายทั้งในเชิงศิลปะและอารมณ์ ด้วยเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่โลกไม่เข้าใจ แต่ศิลปะของเขาอยู่เหนือกาลเวลา “Van Gogh” โดย Johnny Depp อาจไม่ใช่แค่หนังอีกเรื่องหนึ่งในวงการ แต่คือผลงานที่เปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องของศิลปิน ให้มีชีวิตชีวา ดิบ ลึก และจริงใจในแบบที่ผู้กำกับคนนี้เท่านั้นจะทำได้