Share Tweet Pin it

เศรษฐกิจไทยสะดุดเพราะการเมือง? จับตาผลกระทบค่าเงินบาท


สถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังคงต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก อาทิ ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า และวิกฤตภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค ขณะเดียวกัน ปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางการเมือง ก็กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหนึ่งในสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจได้ชัดเจน คือ ความผันผวนของค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา

หลังจากเกิดกระแสข่าวเกี่ยวกับการลาออกของรัฐมนตรีคนสำคัญและการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงกลางปีนี้ ตลาดเงินและตลาดทุนไทยได้ตอบสนองต่อข่าวทางการเมืองทันที โดยค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลงในระยะสั้น นักลงทุนบางส่วนเลือกจะชะลอการลงทุนหรือโยกเงินไปถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่า สถานการณ์ทางการเมืองไทยจะยืดเยื้อหรือคลี่คลายลงอย่างไร

ข้อมูลจากนักวิเคราะห์การเงินชี้ว่า ปัจจัยการเมืองภายในประเทศยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่กดดันค่าเงินบาทในปีนี้ แม้เศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์บางส่วนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และตัวเลขการส่งออกบางหมวดสินค้าที่เริ่มมีสัญญาณบวก แต่หากความเชื่อมั่นทางการเมืองไม่สามารถฟื้นกลับมาได้ในระยะสั้น เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคที่มีเสถียรภาพทางการเมืองสูงกว่า

หลายฝ่ายยังจับตานโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งต้องดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อและการพยุงค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเกินไป หากค่าเงินบาทอ่อนค่ามากเกินควร อาจส่งผลดีต่อผู้ส่งออกบางกลุ่มในระยะสั้น แต่ในทางกลับกันจะกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าสินค้าจำเป็นและราคาพลังงาน ซึ่งจะไปซ้ำเติมภาระค่าครองชีพของประชาชนในประเทศให้สูงขึ้นอีก

นอกจากผลกระทบด้านค่าเงินแล้ว ความไม่ชัดเจนทางการเมืองยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ ผลสำรวจของหอการค้าไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติหลายรายยังคงมีท่าทีรอดูทิศทางของการเมืองไทย โดยเฉพาะกระแสข่าวการยุบสภา หรือการปรับคณะรัฐมนตรีรอบใหม่ ซึ่งอาจกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจระยะยาว

นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนมองว่า หากการเมืองยังคงผันผวนและไม่มีเสถียรภาพเพียงพอ รัฐบาลอาจต้องเผชิญกับความยากลำบากในการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่และมาตรการเยียวยาประชาชน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากสภาผู้แทนราษฎร หากสภาเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงหรือมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจบ่อยครั้ง การเบิกจ่ายงบประมาณและการบริหารงานของหน่วยงานรัฐจะยิ่งสะดุดตามไปด้วย

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดเงินแนะว่า ในช่วงที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าและผันผวนสูง ภาคธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีภาระนำเข้า-ส่งออก ควรบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรัดกุมมากขึ้น อาทิ การใช้สัญญาซื้อขายเงินตราล่วงหน้า (Forward Contract) หรือการทำประกันความเสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้ความผันผวนของค่าเงินกลายเป็นต้นทุนที่ไม่คาดคิด

เมื่อมองภาพรวมในช่วงครึ่งปีหลัง ความหวังของภาคธุรกิจและประชาชนยังคงฝากไว้กับการเมืองไทยว่าจะสามารถหาทางออกและฟื้นความเชื่อมั่นได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับ ครม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร หรือแม้แต่การยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ หากจะเกิดขึ้นจริงก็ควรดำเนินไปอย่างราบรื่นภายใต้กติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ เพื่อไม่ให้ผลกระทบทางการเมืองลุกลามไปกดดันเศรษฐกิจในวงกว้างยิ่งกว่าที่เป็นอยู่

ท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐกิจและการเมืองยังคงเป็นภาพสะท้อนซึ่งกันและกัน เพราะแม้พื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยยังมีจุดแข็งหลายด้าน ทั้งภาคการผลิต เกษตรกรรม และการท่องเที่ยว แต่หากความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงยืดเยื้อ ความเปราะบางทางค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายก็จะยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ไทยต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้


Don't miss a story

Subscribe to our email newsletter:

Don't worry we hate spam as much as you do

Related Articles

Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162

Leave a reply