ฝ่ายค้านเดินเกมใหม่ เปิดแผนยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจกลางปี
ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กระแสข่าวการเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้านเพื่อเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงกลางปีนี้ กลายเป็นประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามอง เพราะถือเป็นการเดินเกมครั้งใหม่ของฝ่ายค้านที่ถูกวิเคราะห์ว่าอาจพลิกสมดุลอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างมีนัยสำคัญ
ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลต้องเผชิญกับสารพัดแรงกดดัน ทั้งในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ราคาสินค้าจำเป็นที่พุ่งสูง รวมถึงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในโครงการภาครัฐ ล่าสุดการลาออกกะทันหันของรัฐมนตรีสำคัญยิ่งตอกย้ำให้ฝ่ายค้านมองเห็นจุดเปราะบางของฝ่ายบริหาร และถือเป็น “โอกาสทอง” ที่จะใช้เครื่องมือทางรัฐสภาอย่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากดดันรัฐบาลให้ตกอยู่ในสภาวะอับจนหนทาง

แหล่งข่าวจากฝ่ายค้านเปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคฝ่ายค้านหลักได้จัดตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อติดตามรวบรวมข้อมูลหลักฐานในประเด็นที่คาดว่าจะถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปราย อาทิ ความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง ความล้มเหลวของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองบางกลุ่ม ข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกนำมาใช้เป็นอาวุธในการอภิปราย ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงสมัยประชุมกลางปี เพื่อให้มีน้ำหนักทางการเมืองและสร้างแรงสั่นสะเทือนได้สูงสุด
ด้านนักรัฐศาสตร์ประเมินว่า การเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านครั้งนี้ แม้จะไม่ได้มีเสียงในสภามากพอที่จะโหวตให้รัฐบาลพ้นไปได้โดยง่าย แต่ก็จะสร้างแรงกดดันทางการเมืองที่สำคัญ เพราะในบริบทที่รัฐบาลกำลังเผชิญวิกฤติศรัทธาจากประชาชน ประกอบกับข่าวลือเกี่ยวกับความแตกแยกภายในพรรคร่วมรัฐบาล ย่อมเพิ่มโอกาสให้เกิดการแตกขั้วหรือ “งูเห่า” ที่พร้อมจะลงมติไม่ไว้วางใจ หากมีการเจรจาผลประโยชน์ทางการเมืองหรือมีปมขัดแย้งสะสมกันมานาน
นอกจากประเด็นการเมืองในสภาแล้ว กลุ่มภาคประชาสังคมและนักกิจกรรมทางการเมืองก็เริ่มเคลื่อนไหวคู่ขนาน โดยออกมาเรียกร้องให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีข้อมูลเชิงลึก ไม่ใช่เพียงเวที “โชว์วาทกรรม” แบบที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เนื่องจากการอภิปรายแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลาหลายวัน การใช้กลไกนี้จึงต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ไม่ใช่เพียงการสร้างกระแสทางการเมืองเพื่อการต่อรองอำนาจเท่านั้น
ในมุมของรัฐบาล แม้จะออกมายืนยันความพร้อมในการชี้แจงทุกประเด็นและปฏิเสธข่าวลือเรื่องความแตกแยกภายในพรรคร่วม แต่กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น หลังมีการหารือเป็นการภายในเพื่อจัดสมดุลอำนาจและรักษาเสถียรภาพของเสียงสนับสนุนในสภา นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่ารัฐบาลอาจเร่งกระบวนการปรับ ครม. ก่อนที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปราย เพื่อดึงกระแสข่าวและแสดงความจริงใจต่อประชาชนว่าพร้อมแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
ขณะที่ประเด็นสำคัญอีกด้านคือการสร้างแรงกดดันผ่านสื่อและโซเชียลมีเดีย ฝ่ายค้านหลายพรรคเริ่มใช้ช่องทางออนไลน์ปล่อยข้อมูลทีละระลอก เพื่อทดสอบกระแสสังคมและเตรียมโยงประเด็นไปยังการอภิปรายในสภา หากประชาชนให้ความสนใจและเกิดกระแสกดดัน ก็จะช่วยให้เสียงเรียกร้องให้รัฐมนตรีบางรายแสดงความรับผิดชอบมีน้ำหนักมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความเคลื่อนไหวเข้มข้นของฝ่ายค้าน นักวิเคราะห์การเมืองเตือนว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้อาจย้อนกลับมาเป็นดาบสองคม หากฝ่ายค้านไม่สามารถนำเสนอข้อมูลหลักฐานได้รัดกุมเพียงพอ หรือหากประชาชนมองว่าเป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อแย่งชิงอำนาจ ผลลัพธ์อาจกลับกลายเป็นการสูญเสียความน่าเชื่อถือและทำให้รัฐบาลสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสในการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ได้เช่นกัน
ท้ายที่สุด สิ่งที่ประชาชนเฝ้ารอดูไม่ใช่เพียงผลคะแนนโหวตในสภา แต่คือคำตอบว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม หรือจะเป็นเพียงละครการเมืองอีกฉากที่หมุนเวียนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่ามกลางความคาดหวังว่า “เสียงประชาชน” จะมีความหมายจริง ๆ ในระบอบประชาธิปไตยของไทย
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



