โพลล์เผย 80% ของประชาชนต้องการ "แพทองธาร" ลาออกหรือยุบสภา วิกฤตศรัทธาทางการเมืองยังคุกรุ่น
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน (โพลล์) จากสำนักวิจัยชื่อดังของประเทศไทยสร้างความฮือฮาในแวดวงการเมือง เมื่อผลสำรวจระบุว่า กว่า 80% ของประชาชนที่ตอบแบบสอบถามต้องการให้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หรือยุบสภาเพื่อเปิดทางเลือกตั้งใหม่ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความไม่พอใจต่อการบริหารงานรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา
กลุ่มตัวอย่างของโพลล์ประกอบด้วยประชาชนในทุกภูมิภาค ทุกช่วงอายุ และหลากหลายอาชีพ โดยผลสำรวจนี้ออกมาในช่วงที่รัฐบาลกำลังเผชิญแรงกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง ราคาสินค้าแพง ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ตลอดจนเสียงเรียกร้องความโปร่งใสจากสังคม ผลโพลล์ดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายจับตามองการเคลื่อนไหวในพรรคการเมืองและความมั่นคงของรัฐบาลชุดปัจจุบันมากขึ้น

สาเหตุของความไม่พอใจและวิกฤตศรัทธา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองวิเคราะห์ว่า กระแสความไม่พอใจต่อรัฐบาลแพทองธารเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล่าช้า ผลกระทบจากเงินเฟ้อ ราคาสินค้าแพง รายได้ประชาชนลดลง รวมถึงปัญหาคอร์รัปชันและการบริหารจัดการที่ยังไม่ตอบโจทย์ประชาชน ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล และกรณีข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจน ล้วนสะท้อนถึงวิกฤตศรัทธาที่กำลังสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล
เสียงจากประชาชนในโซเชียลมีเดียยังระบุถึงความผิดหวังต่อคำสัญญาของพรรคและผู้นำรัฐบาลที่ยังไม่สามารถผลักดันนโยบายที่สำคัญให้เป็นรูปธรรม เช่น นโยบายค่าครองชีพ นโยบายแรงงาน หรือการปฏิรูประบบราชการให้ทันสมัย โปร่งใส และยุติธรรม
การเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคม นักวิชาการ และกลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัยหลายแห่งเริ่มชูประเด็นเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ หรืออย่างน้อยต้องยุบสภาเพื่อคืนอำนาจการตัดสินใจให้ประชาชนอีกครั้ง
ปฏิกิริยาทางการเมืองและท่าทีของพรรคการเมือง
ผลโพลล์ที่ออกมากระทบเสถียรภาพทางการเมืองโดยตรง พรรคฝ่ายค้านออกแถลงการณ์เร่งให้รัฐบาลตัดสินใจลาออกหรือยุบสภาโดยเร็ว เพื่อคืนความเชื่อมั่นให้กับสังคม ขณะที่พรรครัฐบาลและพรรคพันธมิตรต่างออกมาปกป้องผลงานรัฐบาล ยืนยันว่ากำลังเร่งดำเนินนโยบายสำคัญและพร้อมเปิดรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการเมืองไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ รัฐบาลอาจต้องปรับคณะรัฐมนตรีหรือยื่นญัตติขอความไว้วางใจในสภาเพื่อประคองเสถียรภาพ ขณะที่กลุ่มนักวิชาการเสนอให้จัดเวทีปฏิรูปการเมืองและรับฟังความเห็นประชาชนในวงกว้าง เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ
การชุมนุมของประชาชนและกลุ่มเคลื่อนไหวต่าง ๆ มีแนวโน้มขยายตัว หากรัฐบาลยังไม่สามารถคลี่คลายปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม
เสียงสะท้อนจากประชาชนและทางออกของประเทศ
ประชาชนในหลายจังหวัดให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงความกังวลและไม่มั่นใจต่ออนาคตทางเศรษฐกิจและการเมือง หลายคนมองว่าการยุบสภาหรือเปลี่ยนแปลงผู้นำคือทางออกที่ดีที่สุดเพื่อเปิดโอกาสให้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ในขณะที่บางกลุ่มยังหวังว่ารัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาและรักษาสัญญาที่ให้ไว้
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์เสนอว่า ประเทศไทยควรถือโอกาสนี้ปฏิรูปโครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ และระบบราชการให้ทันสมัยมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและเวทีโลก พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้เหตุผลและสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา
สุดท้าย โพลล์ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่า การเมืองไทยยังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก รัฐบาลและนักการเมืองต้องเร่งฟังเสียงประชาชนและเดินหน้าปฏิรูปอย่างจริงจัง หากต้องการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับประเทศ
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



