แนวโน้มดอกเบี้ยโลกอาจกลับตัว กดดันตลาดทุน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางในหลายประเทศทั่วโลกได้ใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แนวโน้มกำลังเปลี่ยนไป เมื่อเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวสูงขึ้นในหลายประเทศ ทำให้ธนาคารกลางเริ่มส่งสัญญาณกลับทิศทางนโยบายทางการเงิน โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมราคาสินค้าไม่ให้สูงเกินควร
ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เป็นผู้นำในการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้งในปีที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าต้องควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ก็มีแนวโน้มดำเนินนโยบายในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเกิดแรงกดดันต่อราคาหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ

การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มดอกเบี้ยนี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตา เพราะเมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้น ต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อกำไรและความสามารถในการเติบโตของบริษัทต่างๆ นอกจากนี้ นักลงทุนอาจโยกเงินออกจากตลาดทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือเงินฝาก ส่งผลให้ดัชนีหุ้นในหลายประเทศปรับตัวลดลง
ตลาดทุนไทยเองก็ไม่พ้นจากผลกระทบนี้ เมื่อมีสัญญาณว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตามทิศทางโลก เพื่อดูแลเสถียรภาพทางการเงินในประเทศ โดยเฉพาะเมื่อค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าและแรงกดดันจากเงินเฟ้อในประเทศเพิ่มขึ้น สถานการณ์นี้อาจทำให้ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในตลาด
ผลกระทบต่อตลาดทุนและนักลงทุน
- ต้นทุนของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นจากการกู้ยืม
- การประเมินมูลค่าหุ้นเปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ย
- นักลงทุนมีแนวโน้มโยกเงินไปยังสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยกว่า
- ตลาดเกิดความผันผวนมากขึ้นในระยะสั้น
- นักลงทุนต้องปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะใหม่
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแนะนำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยง และเลือกลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่สามารถรับมือกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นได้ดี เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มที่มีความสามารถในการปรับราคาสินค้าได้ตามต้นทุน ทั้งนี้ ควรติดตามการประชุมของธนาคารกลางประเทศหลักอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางและวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างรอบคอบ
แม้การขึ้นดอกเบี้ยจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดทุนในระยะสั้น แต่ในระยะยาว หากสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้และฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา ก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพการเงินโดยรวม อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและไม่แน่นอนทำให้นักลงทุนต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



