เงินบาทแข็ง-อ่อน ใครได้ ใครเสีย วิเคราะห์ผลกระทบเศรษฐกิจไทย
ในระบบเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนถือเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางของการค้า การลงทุน และความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นสัดส่วนสูง ความผันผวนของค่าเงินบาทไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าหรืออ่อนค่า จึงล้วนมีผลกระทบในวงกว้างต่อทุกภาคส่วน ทั้งผู้ส่งออก ผู้นำเข้า นักท่องเที่ยว นักลงทุน ตลอดจนประชาชนทั่วไป
ในยามที่เงินบาทแข็งค่า ภาพลักษณ์ในสายตาผู้บริโภคทั่วไปอาจมองว่าเป็นผลดีเพราะทำให้สินค้านำเข้าถูกลง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศลดลง และเป็นการสะท้อนเสถียรภาพของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง แต่ในอีกมุมหนึ่ง การแข็งค่าของเงินบาทกลับสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อผู้ประกอบการที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากรายได้เมื่อแปลงกลับมาเป็นสกุลเงินบาทจะลดลง ขณะที่คู่แข่งในต่างประเทศที่มีค่าเงินอ่อนกว่าจะสามารถเสนอราคาสินค้าได้ถูกกว่า สร้างความเสียเปรียบในการแข่งขันทางการค้า นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะเมื่อค่าเงินบาทแข็งขึ้น นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมองว่าการเดินทางมาไทยมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อาจเลือกเดินทางไปยังประเทศที่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่เอื้ออำนวยต่อกำลังซื้อของพวกเขามากกว่า

ในทางกลับกัน เมื่อเงินบาทอ่อนค่า กลุ่มผู้ส่งออกจะได้ประโยชน์โดยตรงเพราะราคาสินค้าไทยในตลาดโลกจะถูกลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค รายได้เมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาทก็สูงขึ้น ขณะเดียวกันภาคการท่องเที่ยวจะได้อานิสงส์เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะใช้จ่ายในไทยได้คุ้มค่าและยินดีพำนักระยะยาวมากขึ้น จึงเป็นแรงกระตุ้นสำคัญต่อการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ภาคการนำเข้าจะได้รับผลกระทบในทันทีกับต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งค่านำเข้าวัตถุดิบ เชื้อเพลิง ชิ้นส่วนเครื่องจักร และสินค้าอุปโภคบริโภคบางประเภท ซึ่งท้ายที่สุดอาจส่งผลให้ราคาสินค้าในประเทศปรับตัวสูงขึ้น กลายเป็นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนทั่วไปโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้คงที่หรือผู้ที่ต้องพึ่งพาสินค้านำเข้าเป็นหลัก
นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังส่งผลต่อการลงทุนในตลาดการเงินอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนต่างชาติที่ถือครองสินทรัพย์ในไทยต้องพิจารณาความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนควบคู่ไปกับผลตอบแทน ยามเงินบาทแข็งค่า การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติมักเพิ่มขึ้นเพราะสร้างความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพ แต่หากแข็งค่าเร็วเกินไปก็อาจกระตุ้นให้เกิดการเก็งกำไรค่าเงิน สวนทางกับการลงทุนในภาคเศรษฐกิจจริงที่อาจชะลอตัวเพราะความสามารถแข่งขันด้านราคาลดลง ในทางตรงกันข้าม หากเงินบาทอ่อนค่ามากเกินไป นักลงทุนอาจวิตกถึงความไม่แน่นอนด้านเสถียรภาพทางการเงินและการบริหารหนี้ต่างประเทศของประเทศนั้น ๆ ได้เช่นกัน
สำหรับประชาชนทั่วไป ผลกระทบจากค่าเงินบาทจะสะท้อนออกมาในค่าครองชีพโดยตรง เช่น เมื่อเงินบาทแข็งค่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงนำเข้าจะลดลงตาม ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องนำเข้าจะถูกลง ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้บริโภคในประเทศ แต่ถ้าเงินบาทอ่อนค่า ราคาน้ำมันและสินค้าในชีวิตประจำวันอาจพุ่งสูงขึ้น จึงกลายเป็นแรงกดดันต่อผู้มีรายได้ประจำที่ปรับตัวตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ทัน
นอกจากนั้นมิติที่มักถูกมองข้ามคือการกำกับดูแลค่าเงินของธนาคารกลาง ซึ่งต้องรักษาสมดุลให้ค่าเงินบาทไม่แข็งหรืออ่อนจนเกินไป เพราะหากแข็งเกินไปจะบั่นทอนศักยภาพการส่งออก หากอ่อนเกินไปจะสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและอาจถูกมองว่าประเทศใช้วิธีลดค่าเงินเพื่อแข่งขันทางการค้า (Currency Manipulation) อันอาจนำไปสู่ข้อพิพาททางการค้าในเวทีระหว่างประเทศได้ รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยจึงต้องใช้เครื่องมือทางนโยบายการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจมหภาค และไม่ก่อให้เกิดความผันผวนรุนแรงที่ยากต่อการคาดการณ์
ท้ายที่สุด แม้เงินบาทจะแข็งหรืออ่อนย่อมมีทั้งกลุ่มที่ได้ประโยชน์และกลุ่มที่เสียประโยชน์ในเวลาเดียวกัน สิ่งสำคัญคือผู้ประกอบการและประชาชนต้องมีความรู้ความเข้าใจต่อความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ปรับกลยุทธ์บริหารต้นทุนและรายได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงินให้เหมาะสม ขณะเดียวกันรัฐควรเร่งสร้างความแข็งแรงให้เศรษฐกิจในประเทศ กระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกหรือการนำเข้าสินค้าบางประเภทมากเกินไป ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติในด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงิน เพื่อให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอย่างสมดุล สร้างประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



