Share Tweet Pin it

หวั่นผลกระทบจากอเมริกา ไทยเตรียมแพ็กเกจ 40,000 ล้านบาท รับมือภาษีนำเข้าใหม่

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หลังรัฐบาลสหรัฐอเมริกาแสดงท่าทีอาจปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ภายใต้กรอบนโยบายปกป้องอุตสาหกรรมภายในของสหรัฐ

การเคลื่อนไหวดังกล่าว ส่งผลให้ภาครัฐไทยต้องเร่งวางแผนเชิงรุก เพื่อป้องกันความเสียหายจากการสูญเสียตลาดส่งออกและภาวะชะลอตัวของภาคการผลิต โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เสื้อผ้า และเกษตรแปรรูป

รัฐบาลเตรียมแพ็กเกจเศรษฐกิจ 40,000 ล้านบาท

นายสมชัย วัฒนโยธิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดทำแพ็กเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉินวงเงินกว่า 40,000 ล้านบาท ครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การให้เงินอุดหนุนเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ส่งออก SMEs 2) การให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีแก่ธุรกิจที่ขยายฐานการผลิตไปตลาดใหม่ และ 3) การจัดตั้งกองทุนเสริมสร้างศักยภาพการผลิตในประเทศ

ทั้งนี้ มาตรการเหล่านี้จะดำเนินควบคู่กับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การเร่งผลักดันระบบโลจิสติกส์ภายในประเทศ และการขยายเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดชายแดน เพื่อให้การกระจายสินค้าไปยังตลาดใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผู้ประกอบการไทยเร่งปรับกลยุทธ์

สมาคมผู้ส่งออกไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรายงานว่า ผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวด้วยการย้ายบางส่วนของห่วงโซ่การผลิตไปยังประเทศที่ยังได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี (GSP) เช่น เวียดนาม ลาว และอินโดนีเซีย พร้อมทั้งเจรจากับพันธมิตรในยุโรปและอาเซียนเพื่อกระจายความเสี่ยงด้านตลาด

หลายบริษัทได้เปลี่ยนรูปแบบบรรจุภัณฑ์ และใช้วัตถุดิบภายในประเทศมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนในกรณีที่ต้องแบกรับภาษีนำเข้าสหรัฐโดยตรง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป อาหารทะเล และสิ่งทอ

ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์กลางข้อมูลทางการค้า (Trade Intelligence Center) เพื่อให้คำปรึกษาและคาดการณ์แนวโน้มตลาดส่งออกล่วงหน้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ภาคเอกชนสามารถตัดสินใจอย่างมีข้อมูล

นักเศรษฐศาสตร์เตือนถึงผลกระทบซ้อน

ผศ.ดร.สุทธิวัฒน์ ธนากุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า การเพิ่มขึ้นของภาษีนำเข้าจะไม่เพียงกระทบผู้ส่งออกโดยตรง แต่จะสร้างผลกระทบต่อเนื่องต่อระบบซัพพลายเชน ต้นทุนการผลิตภายในประเทศ และกำลังซื้อของประชาชนในระยะยาว

หากไม่มีมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ไทยอาจต้องเผชิญกับภาวะการชะลอตัวของ GDP อย่างต่อเนื่องในช่วง 2–3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะหากสงครามการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้น

เขาเสนอให้รัฐทบทวนกลยุทธ์เศรษฐกิจใหม่ที่เน้นความยืดหยุ่น (resilient economy) และลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป พร้อมส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง นวัตกรรม และการยกระดับแรงงาน

บทสรุป

สถานการณ์ปัจจุบันถือเป็นบททดสอบสำคัญของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการปรับตัวท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจโลก แพ็กเกจ 40,000 ล้านบาทเป็นเพียงก้าวแรกของการวางรากฐานเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในระยะยาว

ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสถาบันการศึกษา จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ และเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกอย่างยั่งยืน


Don't miss a story

Subscribe to our email newsletter:

Don't worry we hate spam as much as you do

Related Articles

Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162

Leave a reply