หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งสูง ปัญหาเรื้อรังที่สะเทือนเศรษฐกิจทั้งระบบ
หนึ่งในประเด็นใหญ่ที่วนกลับมาเป็นวาระสำคัญของเศรษฐกิจไทยทุกครั้งที่มีความเปราะบาง คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน แม้ประเทศไทยจะผ่านวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่หลายครั้ง ตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง พ.ศ. 2540 มาจนถึงวิกฤตโควิด-19 แต่ปัญหาหนี้ครัวเรือนกลับไม่ลดลง กลับยิ่งพอกพูนและฝังรากลึกเป็นภาระทางเศรษฐกิจและสังคมที่ส่งผลกระทบต่อศักยภาพการใช้จ่ายและการเติบโตของประเทศในระยะยาว
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยชี้ว่า ปัจจุบันสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับสูงกว่า 90% ต่อ GDP ซึ่งถือว่าสูงที่สุดอันดับต้น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย และติดอันดับโลก โดยหนี้เหล่านี้มีทั้งหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต สินเชื่อรถยนต์ และหนี้เพื่อการลงทุน เช่น สินเชื่อบ้านและธุรกิจขนาดเล็ก แม้การมีหนี้จะไม่ใช่สิ่งผิด หากเกิดขึ้นเพื่อสร้างสินทรัพย์หรือต่อยอดธุรกิจ แต่ในความเป็นจริงพบว่าภาระหนี้จำนวนไม่น้อยถูกนำไปใช้เพื่อการบริโภคเกินรายได้จริง หรือกู้เพื่อโปะหนี้เดิม ทำให้เกิดภาวะหนี้ทับซ้อนและความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้น

สาเหตุหลักที่ทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาจากหลายปัจจัย หนึ่งคือ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นสวนทางกับรายได้ที่แทบไม่ปรับตัวมากนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนต้องพึ่งพาการกู้ยืมเพื่อนำมาหมุนใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกัน โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคภายในประเทศและระบบสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และไฟแนนซ์ ทำให้ประชาชนสามารถกู้ได้รวดเร็ว แต่กลับขาดวินัยทางการเงินและความเข้าใจในการบริหารหนี้อย่างยั่งยืน
อีกด้านหนึ่ง กลไกการกำกับดูแลและการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินเองก็ถูกตั้งคำถามอยู่ไม่น้อยว่า ได้พิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้มากเพียงพอหรือไม่ รวมถึงการเกิดขึ้นของแหล่งเงินกู้นอกระบบที่ยังคงแพร่กระจาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหรือแรงงานนอกระบบ ซึ่งเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ ส่งผลให้หนี้กลายเป็นกับดักความยากจนและฉุดรั้งโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ผลกระทบของปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงไม่ได้หยุดอยู่แค่ระดับปัจเจกเท่านั้น แต่ลุกลามไปถึงเศรษฐกิจทั้งระบบ เพราะเมื่อครัวเรือนมีภาระหนี้สูง ย่อมลดศักยภาพในการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคอื่น ๆ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยกว่า 50% เมื่อการจับจ่ายชะลอตัว ธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (SMEs) ก็ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ นอกจากนี้ ครัวเรือนที่มีหนี้ล้นพ้นตัวยังมีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อคุณภาพพอร์ตสินเชื่อของสถาบันการเงิน และอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบการเงินโดยรวมได้
ในระยะยาว รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเร่งจัดการปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่เพียงมาตรการพักชำระหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้เท่านั้น แต่ต้องควบคู่กับการให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน การสร้างรายได้เพิ่มและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนากลไกทางกฎหมายและสวัสดิการสังคมให้ครอบคลุมกลุ่มแรงงานนอกระบบ เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบในภาวะวิกฤต
หนี้ครัวเรือนในระดับสูงอาจดูเป็นเรื่องส่วนบุคคลในมุมมองทั่วไป แต่แท้จริงแล้วนี่คือสัญญาณเตือนของความเปราะบางทางเศรษฐกิจที่ซ่อนอยู่ และหากไม่เร่งแก้ไขด้วยนโยบายเชิงรุกและการจัดการอย่างเป็นรูปธรรม ปัญหานี้อาจบานปลายและฉุดรั้งศักยภาพการเติบโตของประเทศให้เดินหน้าได้เพียงครึ่งก้าว ในวันที่เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงเร็วเช่นนี้
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



