Share Tweet Pin it

สถานการณ์ไฟป่าภาคเหนือรุนแรง-ต้องระดมอากาศยาน


ในช่วงฤดูแล้งของทุกปี พื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาไฟป่าที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีนี้สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรงจากสภาพอากาศแห้งแล้งและการเผาป่าที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และลำปาง ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากค่าฝุ่นละออง PM2.5 ที่พุ่งสูงเกินมาตรฐานหลายเท่า

ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ไฟป่าและหมอกควันระดับชาติ ได้รายงานว่า จุดความร้อน (Hotspot) ที่ตรวจพบด้วยดาวเทียมมีมากกว่า 5,000 จุดในภาคเหนือภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ โดยมีสาเหตุหลักจากการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร การลักลอบเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่ทำไร่เลื่อนลอย และพฤติกรรมที่ไม่ระวังของมนุษย์ ไฟป่าดังกล่าวไม่เพียงแต่เผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติอย่างรุนแรง แต่ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เศรษฐกิจท้องถิ่น และสุขภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง

เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตนี้ รัฐบาลได้สั่งการให้กองทัพบก กองทัพอากาศ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระดมอากาศยานทั้งเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินลำเลียงน้ำเข้าพื้นที่เสี่ยงอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขาสูงที่เข้าถึงได้ยาก เจ้าหน้าที่ดับไฟป่ากว่า 1,500 นายจากหลายหน่วยงานต้องทำงานแข่งกับเวลาในสภาพอากาศที่ร้อนจัดและอากาศที่เต็มไปด้วยควันพิษ

นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยเหลือในภารกิจ เช่น การใช้โดรนตรวจจับจุดลุกไหม้ ระบบภาพถ่ายดาวเทียมแบบเรียลไทม์ และระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ เพื่อควบคุมไฟได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ในขณะเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงก็ได้รับการรณรงค์ให้หยุดการเผาและแจ้งเบาะแสผู้ลักลอบเผาป่าผ่านแอปพลิเคชันของทางราชการ

องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้ออกคำเตือนว่าค่าฝุ่น PM2.5 ที่สูงเกิน 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในบางพื้นที่นั้นอยู่ในระดับ "อันตรายมาก" ส่งผลให้มีรายงานผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นหลายพันรายในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้มีโรคประจำตัว

มาตรการระยะสั้นและระยะยาว
  • ส่งอากาศยานและเจ้าหน้าที่เข้าดับไฟป่าในจุดเสี่ยง
  • แจกจ่ายหน้ากากอนามัย N95 ให้ประชาชนในพื้นที่
  • รณรงค์หยุดเผาป่าและใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิด
  • ตั้งศูนย์ควบคุมไฟป่าภูมิภาคเพื่อประสานการทำงาน
  • ผลักดันนโยบายส่งเสริมเกษตรปลอดการเผา

แม้ว่าจะมีการควบคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด แต่ก็ยังไม่สามารถยุติปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนต้องร่วมมือกันในระยะยาวในการอนุรักษ์ป่าไม้ เปลี่ยนพฤติกรรม และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เช่นนี้กลับมาเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต


Don't miss a story

Subscribe to our email newsletter:

Don't worry we hate spam as much as you do

Related Articles

Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162

Leave a reply