วิกฤตการเมืองไทย เสี่ยงกระทบเศรษฐกิจในระยะสั้นและระยะยาว
สถานการณ์การเมืองไทยในช่วงกลางปี 2025 กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนอีกระลอก หลังนายกรัฐมนตรีถูกสั่งพักตำแหน่งชั่วคราวจากศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อรอผลการพิจารณาข้อกล่าวหาใช้อำนาจเกินขอบเขต ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดแรงกระเพื่อมในภาคเศรษฐกิจ การลงทุน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
ผลกระทบทันที: ค่าเงินบาทและตลาดทุนสั่นคลอน
หลังคำสั่งพักตำแหน่งมีผล ตลาดหุ้นไทยร่วงลงกว่า 3% ภายในวันเดียว ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงต่ำสุดในรอบ 9 เดือน โดยเฉพาะต่อดอลลาร์สหรัฐ นักวิเคราะห์จากหลายสำนักมองว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกะทันหันเช่นนี้ ทำให้นักลงทุนระหว่างประเทศชะลอการตัดสินใจลงทุน และอาจถอนทุนบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง
ภาคการท่องเที่ยวเองก็เริ่มได้รับผลกระทบจากข่าวการเมืองที่เผยแพร่ออกไปในสื่อระหว่างประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มเลื่อนแผนการเดินทาง หวั่นเกรงความไม่มั่นคงในประเทศ
ความไม่ชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจ
การหยุดชะงักของผู้นำรัฐบาลส่งผลให้หลายโครงการด้านเศรษฐกิจต้องชะลอตัวลง ไม่ว่าจะเป็นโครงการกระตุ้นการบริโภค การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ หรือแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ส่งผลให้ภาคเอกชนขาดความมั่นใจในทิศทางนโยบายและลังเลในการลงทุนเพิ่มเติม
องค์กรภาคธุรกิจเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาเสถียรภาพและเร่งชี้แจงทิศทางในระยะสั้นอย่างโปร่งใส เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อ GDP ไตรมาสถัดไป ซึ่งอาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
เสียงสะท้อนจากประชาชน
ประชาชนส่วนใหญ่แสดงความกังวลว่า วิกฤตการเมืองครั้งนี้จะซ้ำเติมภาระค่าครองชีพที่กำลังพุ่งสูง โดยเฉพาะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงาน ขณะเดียวกันก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มภาคประชาชนที่เรียกร้องให้รัฐบาลรักษาความโปร่งใสและคืนอำนาจการตัดสินใจให้ประชาชนผ่านการเลือกตั้งใหม่
ผลสำรวจจากหลายสำนักยังพบว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงแรงกดดันที่อาจขยายตัวไปยังภาคเศรษฐกิจครัวเรือนและการใช้จ่ายโดยรวม
บทเรียนและข้อเสนอแนะ
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการเมืองต่างเห็นพ้องว่า ประเทศไทยต้องมีการปฏิรูประบบการเมืองให้มีเสถียรภาพมากขึ้น หากต้องการสร้างความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจอย่างแท้จริง พร้อมแนะให้ภาครัฐลงทุนในระบบตรวจสอบถ่วงดุลและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว
การสร้างกลไกฉุกเฉินในด้านเศรษฐกิจ ที่สามารถทำงานได้แม้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จะเป็นเกราะป้องกันวิกฤตในอนาคต และลดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน
บทสรุป
วิกฤตการเมืองในครั้งนี้อาจเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแต่ท้าทายความสามารถของผู้นำในการบริหารประเทศในช่วงวิกฤต แต่ยังเป็นบททดสอบความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของสังคมโดยรวมอีกด้วย




