Share Tweet Pin it

ระบบเกณฑ์ทหารของกัมพูชาเริ่มบังคับใช้ปี 2026 เพื่อเสริมกำลังทหารในยุคตึงเครียด


กัมพูชาได้ประกาศใช้ระบบเกณฑ์ทหารแห่งชาติฉบับใหม่ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2026 เป็นต้นไป มาตรการนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญของรัฐบาลกัมพูชาเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนกับไทยที่ยังไม่คลี่คลาย หลังจากเกิดการปะทะรุนแรงในปี 2025 และการเจรจาสงบศึกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน

ตามกฎหมายฉบับใหม่ พลเมืองชายกัมพูชาที่มีอายุระหว่าง 18–30 ปีจะต้องเข้ารับการฝึกทหารภาคบังคับเป็นระยะเวลา 18 เดือน โดยมีข้อยกเว้นเฉพาะบางกรณี เช่น ปัญหาสุขภาพรุนแรง หรือการรับราชการในหน่วยงานด้านความมั่นคงรูปแบบอื่น การบังคับใช้ระบบเกณฑ์ทหารครั้งนี้นับเป็นการรื้อฟื้นมาตรการที่ไม่ได้ใช้มานานกว่า 15 ปี และเกิดขึ้นในบริบททางการเมืองและความมั่นคงที่มีความเปราะบางสูง

เหตุผลและเป้าหมายของนโยบาย

รัฐบาลกัมพูชาให้เหตุผลว่าการบังคับใช้ระบบเกณฑ์ทหารจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพ เพิ่มกำลังพลประจำการ และเตรียมความพร้อมสำหรับการป้องกันประเทศในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อความมั่นคง โดยเฉพาะการปกป้องชายแดนตะวันตกและเหนือที่มีข้อพิพาทกับไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมองว่าการเกณฑ์ทหารจะช่วยปลูกฝังวินัย ความสามัคคี และความภาคภูมิใจในชาติให้แก่เยาวชน อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นกลไกในการฝึกแรงงานฝีมือด้านช่างและเทคนิคการทหาร ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในภาคพลเรือนหลังปลดประจำการ

โครงสร้างและกระบวนการเกณฑ์

การเกณฑ์ทหารจะเริ่มต้นด้วยการลงทะเบียนประชากรชายที่อยู่ในเกณฑ์อายุ จากนั้นจะมีการตรวจร่างกายและทดสอบสมรรถภาพ เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ไปเข้ารับการฝึกขั้นพื้นฐานเป็นเวลา 6 เดือน ก่อนจะถูกจัดสรรไปประจำการในหน่วยรบหลัก หน่วยสนับสนุน หรือหน่วยเทคนิคเฉพาะด้าน เช่น วิศวกรรมทหาร สื่อสาร และแพทย์สนาม

ในด้านการฝึก รัฐบาลได้ประกาศว่าจะร่วมมือกับพันธมิตรทางทหารอย่างจีนและรัสเซีย เพื่อจัดส่งครูฝึกและผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธยุทโธปกรณ์มาสนับสนุน โดยจะเน้นการฝึกทั้งด้านยุทธวิธีภาคสนามและการใช้อาวุธสมัยใหม่ เช่น โดรนลาดตระเวน ปืนใหญ่พิสัยไกล และระบบต่อต้านอากาศยาน

สรุปประเด็นสำคัญ
  • เริ่มบังคับใช้ระบบเกณฑ์ทหารตั้งแต่เดือนมกราคม 2026
  • ชายอายุ 18–30 ปี ต้องรับราชการทหาร 18 เดือน
  • มุ่งเสริมกำลังพล ป้องกันชายแดน และเพิ่มศักยภาพทางทหาร

แม้รัฐบาลกัมพูชาจะให้เหตุผลด้านความมั่นคงและการพัฒนาสังคม แต่เสียงวิจารณ์จากองค์กรสิทธิมนุษยชนภายในประเทศและต่างประเทศได้สะท้อนถึงความกังวลในหลายประเด็น โดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่ระบบเกณฑ์ทหารจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือเป็นการบังคับให้เยาวชนเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงต่อความปลอดภัย

ปฏิกิริยาในประเทศและระหว่างประเทศ

ภายในประเทศ มีกลุ่มเยาวชนและครอบครัวที่คัดค้านนโยบายนี้ โดยมองว่าการเกณฑ์ทหารภาคบังคับจะทำให้เยาวชนจำนวนมากต้องละทิ้งการศึกษาและงานที่ทำอยู่ ขณะที่ฝั่งสนับสนุนมองว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองในการปกป้องประเทศ และเป็นโอกาสในการฝึกวินัยและทักษะที่มีประโยชน์

ในเวทีระหว่างประเทศ รัฐบาลไทยได้จับตาความเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการเพิ่มกำลังพลของกัมพูชาอาจส่งผลต่อสมดุลกำลังในพื้นที่ชายแดน ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ เช่น เวียดนาม และลาว แสดงความเห็นในเชิงเป็นกลาง แต่ย้ำถึงความจำเป็นของการหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านอาวุธที่อาจทำให้ภูมิภาคไม่มั่นคง

ผลกระทบด้านความมั่นคง

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงประเมินว่าการเกณฑ์ทหารของกัมพูชาอาจเพิ่มกำลังพลได้ราว 40,000–50,000 นายภายในสองปี ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้กองทัพมีศักยภาพในการปฏิบัติการขนาดใหญ่หรือเสริมกำลังในพื้นที่พิพาทได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเพิ่มกำลังพลโดยไม่มีการลงทุนด้านยุทโธปกรณ์และการฝึกที่เพียงพอ อาจทำให้ประสิทธิภาพการรบไม่สอดคล้องกับปริมาณกำลังที่เพิ่มขึ้น

“จำนวนทหารที่มากขึ้นไม่จำเป็นต้องแปลว่ามีความแข็งแกร่งมากขึ้น หากขาดการฝึกและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ”
แนวโน้มในอนาคต

การบังคับใช้ระบบเกณฑ์ทหารในปี 2026 อาจทำให้ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชาเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้น โดยเฉพาะหากเกิดการเคลื่อนกำลังพลขนาดใหญ่ใกล้พื้นที่ชายแดน ในทางกลับกัน หากระบบนี้ถูกใช้เพื่อสร้างกองกำลังสำรองและมุ่งเน้นการป้องกันประเทศมากกว่าการรุกราน อาจช่วยเพิ่มเสถียรภาพระยะยาวให้กับกัมพูชา

  • ความเสี่ยงต่อการเพิ่มความตึงเครียดชายแดน
  • โอกาสในการสร้างกำลังสำรองเพื่อป้องกันประเทศ
  • ผลต่อสมดุลกำลังในภูมิภาคอาเซียน

ในภาพรวม ระบบเกณฑ์ทหารของกัมพูชาที่จะเริ่มในปี 2026 เป็นการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ที่สะท้อนถึงความกังวลด้านความมั่นคงของรัฐบาล และยังเป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ของการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ตึงเครียด แต่ความสำเร็จของนโยบายนี้จะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการภายในประเทศ และความสามารถในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาคมโลกว่าการเสริมกำลังพลครั้งนี้จะไม่ถูกใช้เพื่อกระตุ้นความรุนแรงในภูมิภาค


Don't miss a story

Subscribe to our email newsletter

Don't worry we hate spam as much as you do

Related Articles

Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162

Leave a reply