มาตรการตอบโต้ของไทย: ห้ามคนเดินทางผ่านด่านชายแดนและห้ามนำเข้าจากกัมพูชา

หลังจากกัมพูชาประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศไทยในเดือนมิถุนายน 2025 รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการตอบโต้ทันที เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ มาตรการดังกล่าวรวมถึงการห้ามบุคคลทุกสัญชาติเดินทางข้ามผ่านด่านชายแดนไทย–กัมพูชา และการระงับการนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาทุกประเภท

มาตรการนี้ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งจากระดับเศรษฐกิจไปสู่การปิดกั้นการสัญจรของประชาชน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อชุมชนชายแดนที่พึ่งพาการค้าข้ามแดนเพื่อดำรงชีวิต

รายละเอียดของมาตรการ

ประกาศของรัฐบาลไทยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2025 ระบุว่า

• ปิดด่านชายแดนถาวรทุกแห่งระหว่างไทย–กัมพูชา
• ห้ามการเดินทางข้ามแดนทั้งในเชิงท่องเที่ยว การค้า และแรงงาน
• ระงับการนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาทุกประเภท

การปิดด่านชายแดนทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่หยุดชะงักทันที พ่อค้าแม่ค้าในตลาดชายแดนสูญเสียรายได้ แรงงานข้ามชาติที่เคยเดินทางไป–กลับต้องตกงาน และการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศต้องหาทางเลี่ยงผ่านประเทศที่สาม

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

ในฝั่งไทย การระงับการนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาส่งผลให้บางอุตสาหกรรม เช่น การแปรรูปเกษตรและการประมง ต้องหาวัตถุดิบจากแหล่งอื่น ขณะเดียวกัน ฝั่งกัมพูชาก็สูญเสียรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวชายแดนอย่างมหาศาล

“เมื่อพรมแดนปิด ความเชื่อมโยงระหว่างผู้คนก็ถูกตัดขาด”

คำกล่าวนี้สะท้อนถึงผลกระทบที่ลึกซึ้งเกินกว่าเศรษฐกิจ เพราะการปิดด่านชายแดนยังทำให้ครอบครัวที่อยู่คนละฝั่งไม่สามารถพบกันได้ และกระทบต่อสายสัมพันธ์ชุมชนที่เคยมีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด

การตอบสนองและทางเลือกทดแทน

รัฐบาลไทยได้ดำเนินการหลายด้านเพื่อลดผลกระทบของมาตรการนี้ เช่น การส่งเสริมการค้าภายในประเทศ การเพิ่มการค้าชายแดนกับลาวและมาเลเซีย และการเร่งเจรจากับคู่ค้ารายใหม่ในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง

• เพิ่มช่องทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านอื่น
• จัดโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการชายแดน
• สร้างตลาดออนไลน์เพื่อทดแทนการค้าภาคพื้นดิน

แม้มาตรการนี้จะช่วยสร้างแรงกดดันทางการเมืองต่อกัมพูชา แต่ในระยะยาว การปิดพรมแดนและการตัดความสัมพันธ์ทางการค้าจะสร้างความเสียหายต่อทั้งสองฝ่าย การหาทางออกทางการทูตที่สามารถเปิดช่องการสื่อสารและการค้ากลับคืนมาได้จึงเป็นภารกิจสำคัญของผู้นำทั้งสองประเทศ