ภาคเหนือเผชิญภัยแล้งหนัก แม่น้ำสายหลักแห้งขอดกระทบเกษตรกรนับล้าน

สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ หลายจังหวัดประสบปัญหาปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้แม่น้ำสายหลักอย่างแม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน และแม่น้ำยมแห้งขอดจนเห็นพื้นดินแตก เกษตรกรหลายล้านคนได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่ต้องใช้น้ำปริมาณมาก

กรมชลประทานและหน่วยงานท้องถิ่นเร่งออกมาตรการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรอย่างเข้มงวด บางพื้นที่ต้องใช้วิธีขุดบ่อบาดาลเสริมและวางแผนหมุนเวียนการใช้น้ำเพื่อยืดระยะเวลาการใช้น้ำให้เพียงพอ ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนเริ่มร้องขอให้ภาครัฐประกาศเขตภัยพิบัติแล้งเพื่อให้เข้าถึงมาตรการเยียวยาโดยเร็ว

ผลกระทบกระจายวงกว้าง

นอกจากภาคเกษตรแล้ว ปัญหาภัยแล้งยังส่งผลกระทบต่อระบบประปาหมู่บ้านและการเลี้ยงสัตว์อีกด้วย หลายพื้นที่มีน้ำประปาไหลเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ชาวบ้านบางส่วนต้องซื้อน้ำจากรถบรรทุกเพื่อใช้ในครัวเรือน ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังมีความกังวลว่าหากฝนไม่ตกตามฤดูกาล อาจทำให้สถานการณ์รุนแรงจนต้องตัดน้ำเพื่อสงวนไว้เฉพาะใช้เพื่ออุปโภคบริโภคเท่านั้น

สรุปประเด็นสำคัญ

• ภัยแล้งภาคเหนือรุนแรง แม่น้ำสายหลักแห้งขอด
• กระทบเกษตรกรและระบบประปาหมู่บ้านหลายพื้นที่
• เร่งมาตรการจัดการน้ำและร้องขอประกาศเขตภัยพิบัติ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำแนะให้ทุกภาคส่วนร่วมกันวางแผนรับมือระยะยาว ทั้งการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็ก ปลูกพืชใช้น้ำน้อย และพัฒนาโครงข่ายชลประทานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้เกษตรกรสามารถรับมือกับภัยแล้งที่มีแนวโน้มจะเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นตามสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง

"เราต้องมองภัยแล้งเป็นเรื่องที่เกิดซ้ำทุกปี ไม่ใช่เหตุการณ์ฉุกเฉินชั่วครั้งชั่วคราวอีกต่อไป" — ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม

หลายฝ่ายเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผลักดันนโยบายจัดการน้ำแบบยั่งยืนและสนับสนุนการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำเกษตรให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้เกษตรกรอยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤติภัยแล้งที่ยังคงยืดเยื้อและอาจรุนแรงขึ้นในอนาคต.

• วางแผนกักเก็บน้ำและฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ
• ส่งเสริมการเพาะปลูกพืชใช้น้ำน้อย
• สร้างระบบเตือนภัยและการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ