พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์โอด กฎหมายภาษีใหม่เพิ่มภาระต้นทุน

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั่วประเทศแสดงความไม่พอใจหลังรัฐบาลประกาศใช้กฎหมายภาษีฉบับใหม่ ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada และบริการรับชำระเงินต่าง ๆ ต้องรายงานข้อมูลธุรกรรมของร้านค้าไปยังกรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากระบุว่า มาตรการนี้เพิ่มภาระต้นทุนอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยเข้าสู่ระบบภาษีมาก่อน ต้องเผชิญกับภาระในการจัดทำบัญชี ตรวจสอบรายได้ และยื่นแบบแสดงภาษีรายครึ่งปีและสิ้นปี ซึ่งอาจต้องเสียค่าปรับย้อนหลังหากมีรายได้ที่ไม่เคยแจ้งไว้กับกรมสรรพากร

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ค้า

สรุปประเด็นสำคัญ

• กฎหมายใหม่บังคับให้แพลตฟอร์มส่งข้อมูลร้านค้าให้กรมสรรพากร
• ผู้ค้าออนไลน์ที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี อาจต้องเข้าสู่ระบบ VAT
• มีความเสี่ยงถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลังสูงสุด 5 ปี พร้อมดอกเบี้ยและค่าปรับ

ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีแนะนำให้ผู้ค้าออนไลน์เร่งจัดทำระบบบัญชีที่ถูกต้อง พร้อมวางแผนภาษีให้เหมาะสม เช่น การใช้สิทธิลดหย่อน การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นทางการ และการยื่นภาษีให้ตรงเวลา เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดีภาษีในอนาคต

แนวทางปรับตัวของผู้ประกอบการ

หลายรายเริ่มหันมาใช้บริการที่ปรึกษาทางบัญชี และโปรแกรมจัดการรายรับรายจ่ายที่เชื่อถือได้ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับระบบภาษีใหม่ พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐออกมาตรการผ่อนปรน เช่น ลดอัตราภาษี หรือให้เวลาปรับตัวแก่ผู้ค้าใหม่

“กฎหมายนี้ไม่ใช่ปัญหา หากมีความรู้และการเตรียมตัว แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มขายของออนไลน์ ต้นทุนตรงนี้อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ” — นักวิเคราะห์การเงินอิสระ

แม้กฎหมายภาษีใหม่จะถูกมองว่าเป็นเครื่องมือในการสร้างความเป็นธรรมด้านรายได้ของรัฐ แต่สำหรับผู้ค้ารายย่อย นี่คือความท้าทายครั้งใหญ่ที่อาจกระทบความอยู่รอดของธุรกิจในยุคดิจิทัล

• พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จำเป็นต้องจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ถูกต้อง
• แนะนำให้ศึกษาวิธีลดหย่อนและยื่นแบบภาษีตามรอบที่กฎหมายกำหนด
• เสนอให้ภาครัฐจัดอบรมฟรีและมีช่องทางให้คำปรึกษาภาษีสำหรับรายย่อย

ในระยะยาว ผู้ค้าออนไลน์อาจต้องปรับตัวเข้าสู่ระบบภาษีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่