ธุรกิจ SMEs ไทย ฝ่าวิกฤตอย่างไรให้เติบโตยั่งยืน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทยเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงหลายระลอก ตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่รวดเร็วกว่าที่เคย การอยู่รอดของ SMEs ไทยจึงไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่การปรับตัวชั่วคราว หากแต่ต้องวางรากฐานการดำเนินธุรกิจให้สามารถยืนหยัดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

ภาพรวม SMEs ไทยในปัจจุบัน
SMEs ถือเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย โดยมีจำนวนกว่า 3 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วนกว่า 99% ของผู้ประกอบการทั้งหมด สร้างการจ้างงานมากกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานไทย และมีส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ข้อจำกัดด้านเงินทุน ทักษะการบริหารจัดการ การเข้าถึงตลาด และการปรับใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งศักยภาพของ SMEs ไทยมาหลายทศวรรษ
เมื่อโลกเปลี่ยนเร็ว SMEs ไทยยิ่งต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากทั้งผู้เล่นในประเทศและต่างประเทศ หากปรับตัวไม่ทัน ก็อาจสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกัน หากมองให้เป็นโอกาส SMEs ก็มีจุดแข็งด้านความยืดหยุ่น (Agility) และการปรับกลยุทธ์ได้คล่องตัวกว่าองค์กรขนาดใหญ่
โอกาสที่ SMEs ไทยควรคว้า
- ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) SMEs มีจุดแข็งในการผลิตสินค้าที่มีความเฉพาะและสามารถตอบโจทย์ความต้องการรายบุคคลได้ดี การเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มทั้งในและต่างประเทศสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและกำไรสูงกว่า
- เศรษฐกิจหมุนเวียนและธุรกิจที่ยั่งยืน (Sustainability) ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีจริยธรรมมากขึ้น SMEs ที่ปรับตัวเข้าสู่กระบวนการผลิตสีเขียวและมีแนวทางการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า จะสร้างจุดขายที่แตกต่างและได้เปรียบในการแข่งขัน
- เศรษฐกิจดิจิทัล การค้าขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดียช่วยให้ SMEs ขยายตลาดได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง ลดข้อจำกัดเรื่องหน้าร้านหรือระยะทาง ช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตสู่ความยั่งยืน
1.พัฒนาและปรับโมเดลธุรกิจให้ยืดหยุ่น SMEs ควรมองหาโมเดลธุรกิจใหม่ที่ตอบโจทย์สถานการณ์ เช่น การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ การเพิ่มบริการเสริมหลังการขาย หรือการเปลี่ยนจากการขายสินค้าเป็นการให้บริการแบบ Subscription
2.ลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล ตั้งแต่ระบบจัดการสต็อกออนไลน์ ระบบ CRM การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ไปจนถึงการโฆษณาดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำตลาดได้อย่างแม่นยำ ลดต้นทุน และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
3.สร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ การรวมกลุ่ม SMEs เพื่อแบ่งปันทรัพยากรและประสบการณ์ จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มอำนาจต่อรอง เช่น การรวมกลุ่มเพื่อจัดซื้อวัตถุดิบหรือจัดงานแสดงสินค้า
4.พัฒนาทักษะแรงงานและผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เจ้าของกิจการและพนักงานต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะด้านดิจิทัล การตลาดออนไลน์ และการบริหารจัดการการเงิน เพื่อให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
5.เข้าถึงแหล่งเงินทุนและโครงการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาครัฐควรมีบทบาทในการสนับสนุน SMEs อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเงินทุนราคาถูก การให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและการตลาด ตลอดจนการเจรจาเปิดตลาดต่างประเทศเพื่อขยายโอกาสส่งออก
บทสรุป
แม้ SMEs ไทยจะต้องเผชิญกับวิกฤตและความไม่แน่นอนในหลากหลายมิติ แต่ด้วยจุดแข็งด้านความคล่องตัว ความสร้างสรรค์ และความสามารถในการตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างรวดเร็ว SMEs ยังคงมีศักยภาพที่จะเติบโตและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย หากได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ มีการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ และได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง การฝ่าวิกฤตในวันนี้จะไม่ใช่แค่การเอาตัวรอด แต่จะเป็นการปูทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



