ทำไมต้องอ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้ออาหาร

ในยุคที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การอ่านฉลากโภชนาการจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราตัดสินใจซื้ออาหารอย่างมีสติ รู้เท่าทันสิ่งที่เรากำลังจะนำเข้าสู่ร่างกาย และป้องกันโรคที่มาจากพฤติกรรมการบริโภค เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคอ้วน

ฉลากโภชนาการไม่ใช่แค่ตัวเลขแสดงพลังงาน แต่ยังบอกข้อมูลสำคัญอื่น ๆ เช่น น้ำตาล โซเดียม ไขมัน วิตามิน หรือปริมาณโปรตีน ซึ่งสามารถชี้ได้ทันทีว่าอาหารนั้นเหมาะสมกับความต้องการของเราหรือไม่

ฉลากโภชนาการบอกอะไรบ้าง?

1. พลังงานทั้งหมด: แสดงจำนวนแคลอรีในหนึ่งหน่วยบริโภค

2. ไขมัน: ทั้งไขมันรวม ไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์

3. โซเดียม: เกลือในอาหาร ซึ่งควรจำกัดเพื่อป้องกันโรคไตและความดัน

4. น้ำตาล: ปริมาณที่ควรระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในขนม น้ำหวาน และเครื่องดื่ม

5. ใยอาหาร และโปรตีน: ช่วยให้รู้ว่าอาหารนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการมากน้อยเพียงใด

สรุปประเด็นสำคัญ

• ฉลากโภชนาการช่วยให้เลือกอาหารได้เหมาะกับสุขภาพ
• ป้องกันโรคเรื้อรังจากการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมหรือน้ำตาลสูง
• เหมาะกับคนควบคุมน้ำหนักหรือผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ

ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นผู้ป่วยเบาหวาน การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือผู้ที่ต้องควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีพลังงานต่ำและมีไฟเบอร์สูง

เทคนิคอ่านฉลากให้เข้าใจง่าย

เริ่มจากดูจำนวน "หน่วยบริโภคต่อแพ็ค" เพราะบางครั้งข้อมูลโภชนาการจะระบุเพียงต่อ 1 หน่วยบริโภค ซึ่งอาจน้อยกว่าที่เรากินจริงหลายเท่า

“การอ่านฉลากก่อนซื้อ คือการให้สิทธิตัวเองในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ร่างกาย”

หากฉลากแสดงปริมาณโซเดียมหรือไขมันทรานส์สูง ควรหลีกเลี่ยงหรือเลือกรับประทานในปริมาณน้อย โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยโรคหัวใจ

• เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากทางเลือกสุขภาพ (สัญลักษณ์รูปหัวใจสีเขียว)
• หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมเกิน 600 มก./หน่วยบริโภค
• เปรียบเทียบฉลากระหว่างแบรนด์ก่อนตัดสินใจซื้อ

การอ่านฉลากโภชนาการคือทักษะชีวิตที่ควรมีติดตัวในยุคอาหารแปรรูปครองตลาด เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นได้ตั้งแต่ “ชั้นวางสินค้า” ในร้านค้า เพียงแค่ใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการหยิบผลิตภัณฑ์ขึ้นมาอ่านฉลากให้เข้าใจก่อนตัดสินใจซื้อ