ต้นกำเนิดของจักรวาลตามทฤษฎีบิกแบง
จักรวาลที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบันนั้นกว้างใหญ่ไพศาลจนแทบเกินจะจินตนาการได้ นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามอธิบายถึงต้นกำเนิดของจักรวาลผ่านหลายทฤษฎี แต่หนึ่งในทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในปัจจุบันคือ “ทฤษฎีบิกแบง” (Big Bang Theory) ซึ่งเสนอว่าจักรวาลเริ่มต้นจากสภาวะที่ร้อนจัด หนาแน่นสูง และมีขนาดเล็กมาก ก่อนที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็วเมื่อประมาณ 13.8 พันล้านปีก่อน

จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
ตามทฤษฎีบิกแบง จักรวาลเริ่มต้นจาก “ซิงกูลาริตี้” (Singularity) ซึ่งเป็นจุดที่เล็กมากจนไม่มีปริมาตร แต่มีพลังงานมหาศาลอยู่ในนั้น จากนั้นเกิดการระเบิดหรือการขยายตัวครั้งใหญ่ที่เรียกว่า “บิกแบง” ทำให้สสาร พลังงาน และกฎฟิสิกส์ต่างๆ เริ่มต้นขึ้นในขณะนั้นเอง
พัฒนาการหลังจากบิกแบง
หลังจากการขยายตัวเริ่มต้น จักรวาลก็เริ่มเย็นตัวลงอย่างต่อเนื่อง:
- 0.0001 วินาทีแรก: พลังงานสูงมากจนอนุภาคพื้นฐาน เช่น ควาร์ก และกลูออน เกิดขึ้น
- ภายในไม่กี่วินาที: ควาร์กรวมตัวกันเป็นโปรตอนและนิวตรอน
- 3 นาทีแรก: เกิดการหลอมรวมของนิวเคลียส เป็นธาตุเบา เช่น ไฮโดรเจนและฮีเลียม
- 380,000 ปีต่อมา: อะตอมเริ่มก่อตัว แสงเริ่มเดินทางได้ เกิดเป็น "รังสีไมโครเวฟพื้นหลังของจักรวาล" (CMB)
หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง
นักวิทยาศาสตร์มีหลักฐานหลายประการที่สนับสนุนทฤษฎีนี้ เช่น:
- การขยายตัวของจักรวาล: เอดวิน ฮับเบิล ค้นพบว่ากาแล็กซีกำลังเคลื่อนตัวห่างออกจากกัน
- รังสีไมโครเวฟพื้นหลัง: ค้นพบโดยเพนเซียสและวิลสันในปี 1965 เป็นหลักฐานจากช่วงเวลาแรกของจักรวาล
- การกระจายของธาตุเบา: ปริมาณของไฮโดรเจนและฮีเลียมในจักรวาลสอดคล้องกับค่าที่คำนวณจากทฤษฎี
จักรวาลในปัจจุบันและอนาคต
จักรวาลยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีทฤษฎีจำนวนมากที่พยายามอธิบายว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เช่น อาจขยายไปเรื่อยๆ จนสสารเบาบางเกินไป หรืออาจเกิด "บิกครันช์" (Big Crunch) ซึ่งเป็นการยุบกลับของจักรวาล ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในการศึกษา
“บิกแบงไม่ได้เป็นแค่การระเบิด แต่เป็นการกำเนิดของกาลอวกาศและกฎฟิสิกส์ทั้งหมดที่เรารู้จัก”
ทฤษฎีบิกแบงจึงไม่เพียงเป็นคำอธิบายจุดเริ่มต้นของจักรวาล แต่ยังเป็นกรอบสำหรับการศึกษาวิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ และความเข้าใจในโลกที่เราอยู่ทุกวันนี้
Don't miss a story
Subscribe to our email newsletter:
Don't worry we hate spam as much as you do



