Share Tweet Pin it

การใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 ใส่ด่านลาดตระเวนไทย และการตอบโต้ของกองทัพบกไทย


ในช่วงกลางปี 2025 เหตุการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชาทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อมีรายงานว่ากองกำลังฝ่ายตรงข้ามได้นำทุ่นระเบิด PMN-2 ซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามตามอนุสัญญาออตตาวา มาวางใกล้ด่านลาดตระเวนของกองทัพบกไทย เหตุการณ์นี้ทำให้ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงสร้างความเสียหายต่อยานพาหนะและระบบสื่อสารในพื้นที่

ทุ่นระเบิด PMN-2 เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่มีอานุภาพสูง สามารถสร้างบาดแผลรุนแรงหรือทำให้เสียชีวิตได้ทันที ลักษณะเด่นคือการซ่อนพรางง่ายและยากต่อการตรวจจับในสภาพภูมิประเทศที่มีพืชพรรณหนาแน่น ซึ่งทำให้การเคลื่อนที่ของกำลังพลในพื้นที่มีความเสี่ยงอย่างยิ่ง

เหตุการณ์และผลกระทบเบื้องต้น

เหตุการณ์เกิดขึ้นในระหว่างที่หน่วยลาดตระเวนของไทยกำลังตรวจตราพื้นที่แนวชายแดนตามปกติ เมื่อรถลาดตระเวนคันหนึ่งเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 จนเกิดการระเบิดรุนแรง ทำให้มีทหารเสียชีวิตทันทีหลายราย และมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนหนึ่ง เหตุการณ์นี้ยังทำให้ต้องปิดพื้นที่เพื่อเก็บกู้และตรวจสอบหาทุ่นระเบิดเพิ่มเติม

สรุปประเด็นสำคัญ
  • มีการใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 ในพื้นที่ชายแดน
  • ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
  • พื้นที่ต้องปิดเพื่อตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิด

การใช้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงประณามจากหลายฝ่าย เนื่องจากเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และสร้างความเสี่ยงต่อพลเรือนที่อาจสัญจรผ่านพื้นที่ในอนาคต

การตอบโต้ของกองทัพบกไทย

กองทัพบกไทยได้ดำเนินการตอบโต้โดยเร่งระดมกำลังเข้าสนับสนุนพื้นที่ พร้อมส่งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) เข้าตรวจสอบและทำลายทุ่นระเบิดที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ยังได้เสริมกำลังลาดตระเวนทั้งทางบกและทางอากาศ เพื่อสกัดกั้นการลอบวางทุ่นระเบิดเพิ่มเติม

“การปกป้องชีวิตกำลังพลและพลเรือนเป็นภารกิจสูงสุดของกองทัพ”

นอกจากปฏิบัติการด้านความปลอดภัยแล้ว กองทัพยังได้เพิ่มมาตรการด้านข่าวกรองและติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย รวมถึงการประสานงานกับพันธมิตรและองค์กรระหว่างประเทศให้เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบและบันทึกความเสียหาย

มุมมองจากนานาชาติ

องค์การสหประชาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 เนื่องจากเป็นอาวุธที่สร้างผลกระทบระยะยาวต่อประชาชนในพื้นที่ และเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างโปร่งใส พร้อมชดเชยความเสียหายแก่ผู้ได้รับผลกระทบ

  • เร่งรณรงค์ให้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธทุ่นระเบิด
  • สร้างเขตปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน
  • เพิ่มการฝึกอบรมหน่วยลาดตระเวนเรื่องการตรวจจับทุ่นระเบิด

ในระยะยาว เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นของการป้องกันความขัดแย้งชายแดนไม่ให้บานปลาย และการยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมเพื่อคุ้มครองชีวิตของทั้งทหารและพลเรือน การทำงานร่วมกันระหว่างประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรสากลจึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน


Don't miss a story

Subscribe to our email newsletter

Don't worry we hate spam as much as you do

Related Articles

Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162
Business

Description

by Rana F.Sep. 28, 20162

Leave a reply