Netflix เผยซีรีส์ใหม่ “Kingdom: Rebirth” ขึ้นอันดับ 1 ใน 40 ประเทศ

Netflix กลับมาสร้างกระแสปังระดับโลกอีกครั้งกับซีรีส์ภาคต่อในจักรวาลซอมบี้ยอดฮิต “Kingdom: Rebirth” ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และสามารถ ทะยานขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Top 10 ของ Netflix ในกว่า 40 ประเทศ ทันทีหลังเปิดฉาย กลายเป็นหลักฐานยืนยันว่า “พลังซอมบี้จากโชซอน” ยังไม่เสื่อมคลายแม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 5 ปีนับจากซีซันก่อนหน้า

ไม่เพียงแค่กระแสความนิยมที่พุ่งกระฉูด ซีรีส์ยังได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั้งในเกาหลีใต้และต่างประเทศว่าเป็น “การกลับมาที่ทรงพลัง และล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม” ทั้งในแง่เนื้อเรื่อง งานภาพ และการแสดงของนักแสดงนำระดับแนวหน้า

👑 “Kingdom: Rebirth” – ปฐมบทใหม่ในโลกหลังความตาย

“Kingdom: Rebirth” ไม่ใช่ซีซันที่ต่อเนื่องโดยตรงจากซีรีส์ Kingdom เดิม แต่เป็นภาคแยกกึ่งภาคต่อ (spin-off / sequel) ที่ดำเนินเรื่องในช่วงเวลา 10 ปีหลังเหตุการณ์จากซีซัน 2 โดยมีตัวละครใหม่เป็นศูนย์กลาง ท่ามกลางโลกที่ยังเผชิญกับภัยจากเชื้อซอมบี้กลายพันธุ์ และการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในราชสำนักที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

พล็อตหลัก เล่าถึง "มูยอง" ชายหนุ่มผู้มีภูมิหลังลึกลับที่เติบโตขึ้นมาในเงื้อมมือของความกลัวและความตาย เขาได้รับภารกิจลับจากฝ่ายในให้ไปตามหาต้นกำเนิดของ “เลือดอมตะ” ที่เชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของคำสาปซอมบี้ในราชวงศ์โชซอน ขณะเดียวกัน เหล่าขุนนางหัวเก่าที่หวังใช้เชื้อโรคเพื่อการเมืองก็กำลังวางแผนชั่วร้าย

ซีรีส์เล่าด้วยโทนที่เข้มข้น ดาร์ก และซับซ้อนกว่าเดิม โดยผสมผสานองค์ประกอบของ ดราม่าเชิงประวัติศาสตร์, สยองขวัญ, การเมือง, และไซไฟ เข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน

🌍 ขึ้นอันดับ 1 ทั่วโลกภายใน 48 ชั่วโมง

Netflix รายงานว่า “Kingdom: Rebirth” ทำยอดผู้ชมสูงสุดในหมวด Global Non-English TV Shows ในเวลาไม่ถึง 2 วันหลังเปิดตัว โดยขึ้นอันดับ 1 ในประเทศหลัก ๆ เช่น:

• เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไทย อินโดนีเซีย
• สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ (ติด Top 3 ในหมวดซีรีส์ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ)
• ฝรั่งเศส เยอรมนี บราซิล เม็กซิโก อียิปต์ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์

ยอดชมในสัปดาห์แรกสูงถึง 70 ล้านชั่วโมง ทั่วโลก ทำให้กลายเป็นหนึ่งในซีรีส์เกาหลีที่เปิดตัวแรงที่สุดของ Netflix เป็นประวัติการณ์

“Kingdom: Rebirth” ไม่ใช่เพียงแค่ภาคต่อ แต่คือการรีบูตจักรวาลที่เต็มไปด้วยศักยภาพทั้งทางเนื้อหาและศิลปะการเล่าเรื่อง ซีรีส์นี้ได้พิสูจน์ว่า K-series ยังมีพลังอีกมหาศาลในการเขย่าเวทีบันเทิงโลก และแฟน ๆ ต่างเฝ้ารอว่า Netflix จะต่อยอดอย่างไรต่อไปในอนาคต